ประยุทธ์ สั่งปรับสโมสร ตร.-ทหาร เป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วย และ รพ.สนาม พร้อมตั้งจุดรับแจ้งเหตุฉุกเฉินใน 13 พื้นที่สีแดงเข้ม

 

 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้กระทรวงกลาโหมได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงฯ เหล่าทัพ และตำรวจ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนท์ เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด 19 ซึ่งภาพรวมการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ยังคงพบการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาจับกุมได้ 288 คน พบชาวลาวและกัมพูชามากขึ้น  สำหรับพื้นที่ชั้นใน ได้กระจายกำลังกันทำหน้าที่ช่วยเหลือและดูแลประชาชนตามมาตรการควบคุมโรคในข้อกำหนดพื้นที่สีแดงเข้มของ ศบค. ซึ่งจากการตั้งจุดตรวจร่วมตามเส้นทางต่างๆ และชุดสายตรวจเคลื่อนที่ เน้นการสร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนด พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและร่วมมือกันมากขึ้นในการหยุดเชื้อ พบการเดินทางลดลงและทำงานที่บ้านมากขึ้น ซึ่งสถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนมาตรการต่างๆ ลดลงตามลำดับ

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาปรับปรุงสโมสรทหารและตำรวจ ในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด เป็นศูนย์พักคอยผู้ป่วย หรือ รพ.สนาม ตามความเหมาะสม เพื่อใช้เป็นสถานที่พักคอยและรักษาผู้ป่วย รองรับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่  และให้กลาโหมประสานกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  สนับสนุนจัดตั้ง รพ.สนาม ร่วมกับ รพ.ในสังกัดมหาวิทยาลัย รองรับดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ต่างๆ เสริมไปด้วยกัน

นายกรัฐมนตรี ยังสั่งให้กองทัพ จัดกำลังทหารกระจายลงพื้นที่ จัดตั้งจุดรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด โดยให้ประสานทำงานร่วมกับ กทม. ฝ่ายปกครองและและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยและติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ทันทีภายใต้มาตรการที่สาธารณสุขกำหนด

พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า นายกฯ ยังกำชับทุกเหล่าทัพ ให้เฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนทั้งทางบกและทางน้ำอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะชายแดนเมียนมา ที่สถานการณ์ของโรคระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น และให้ตำรวจดูแลผู้หลบหนีเข้าเมืองเข้มในสถานกักควบคุมโรคที่กำหนด ทั้ง 8 แห่งใน 6 จังหวัด ควบคู่การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริจาคโลหิตให้กับผู้ป่วยที่มีสภาวะขาดแคลนเลือด พร้อมขอให้เร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกับกำลังพลในพื้นที่ด่านหน้าเป็นลำดับแรก หากได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่ม