กองปราบรวบ น้ำออมเงินพารวย หลอกเหยื่อลงทุน ก่อนเชิดเงินหนี เจ้าตัวสารภาพ ที่ผ่านมาทยอยคืนบางส่วนแล้ว

 

วันที่ 16 ก.ค.2564 กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก      เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.กรกช ยงยืน, รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.พนิดา หรือน้ำ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี  ชาว จ.สกลนคร ผู้ต้องหาตามหมายจับ

1.หมายจับศาลจังหวัดอ่างทองที่ 52/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

2.หมายจับศาลจังหวัดอ่างทองที่ 53/2564 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” 

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป. ได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่า น.ส.พนิดา หรือน้ำ  (ผู้ต้องหา) มีพฤติการณ์หลอกชักชวนให้ร่วมลงทุนออมเงินผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนจะเชิดเงินหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนจนพบว่า น.ส.พนิดาฯ (ผู้ต้องหา) มีหมายจับของ สภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จำนวน 2 หมายจับ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง โดยมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุ ดังนี้

ในห้วงระหว่าง วันที่ 26 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 29 มิ.ย. 2564 ผู้ต้องหาได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ NAM Panida ติดต่อชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนออมเงินกับผู้ต้องหา โดยได้ให้ผู้เสียหายเข้ากลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ “ออมเงินพารวย” (มีสมาชิกกลุ่มประมาณ 100 คน) ซึ่งกลุ่มดังกล่าวมีการโพสต์ชักชวนให้นำเงินไปฝากกับผู้ต้องหา เพื่อรับผลตอบเเทนเป็นดอกเบี้ยเงินออม โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินไปเป็นจำนวนรวมกว่า 223,000 บาท แต่เมื่อครบกำหนดจ่ายค่าตอบเเทน  ผู้ต้องหากลับอ้างว่าไม่สามารถเบิกถอนเงินได้  และลบเฟซบุ๊กของผู้เสียหายออกจากกลุ่ม ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีกหลายครั้ง มีกลุ่มผู้เสียหายได้ประชาสัมพันธ์เตือนภัยไว้ที่สื่อออนไลน์เป็นจำนวนมาก บางรายสูญเงินไปเป็นจำนวนหลายหมื่นบาท

ทางกองบังคับการปราบปรามเล็งเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหามีพฤติการณ์เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน และเพื่อป้องกันความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง และเป็นการป้องปรามการกระทำความผิดในรูปแบบเช่นนี้ จึงได้สั่งการให้ กก.2 บก.ป. ดำเนินการเร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

จนกระทั่ง วันที่ 16 ก.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2.บก.ป. ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาจนมาจับกุมได้ที่บริเวณริมถนน ม.6 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าโมก ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าได้นำเงินของผู้เสียหายมาจริง แต่เกิดปัญหาไม่สามารถนำเงินมาคืนให้ผู้เสียหายได้ และได้พยายามทยอยคืนไปแล้วบางส่วน