กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ยันไม่ห้ามสถานพยาบาลเอกชนโฆษณาจองวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยต้องขออนุมัติโฆษณา พร้อมปฏิบัติตามแนวทางการโฆษณา 5 ข้อ ป้องปรามการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาคเอกชนบางส่วน แสดงความจำนงที่จะนำเข้าวัคซีนทางเลือก มาให้บริการเพื่อระงับการติดเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชน ซึ่งภาครัฐยินดีสนับสนุนเอกชนในการให้บริการฉีดวัคซีน เพราะมีสถานพยาบาลเอกชนกระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง และคุ้มครองประชาชนให้ได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพ จึงต้องขออนุมัติจากผู้อนุญาตก่อน ซึ่งการโฆษณาจองวัคซีนโควิด-19 นั้น สบส.ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกำหนดแนวทางในการโฆษณาเบื้องต้นไว้ 5 ข้อ คือ

 

1.วัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ที่จะโฆษณาต้องได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยา และได้รับการอนุมัติให้โฆษณายาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) 2.โฆษณาหรือประกาศเกี่ยวกับสถานพยาบาล กรณีการจองวัคซีน ต้องยื่นขออนุมัติจากผู้อนุญาต ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 คือ สบส.หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หากได้รับการอนุมัติแล้วจึงสามารถเผยแพร่โฆษณาได้ 3.หากสถานพยาบาล เรียกเก็บเงินมัดจำ หรือค่าใช้จ่ายใดๆ จากประชาชน หากไม่สามารถดำเนินการตามถ้อยคำที่ปรากฏในโฆษณา จะต้องคืนเงินมัดจำหรือค่าใช้จ่ายใดๆเต็มจำนวน 4.การกำหนดระยะเวลาในการฉีดวัคซีนให้ใกล้เคียงที่จะได้รับวัคซีนมาให้บริการจริงมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความคาดหวังเกินจริงกับระยะเวลา 5.ในการโฆษณาทุกครั้งต้องระบุข้อความ “รัฐบาลได้มีการจัดสรรวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” และ “ส่วนการจองวัคซีนโควิด 19 ของสถานพยาบาลเอกชนเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนสามารถเลือกรับบริการได้ แต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง” เพื่อให้ประชาชนได้พิจารณาตัดสินใจก่อนรับบริการ

 

ด้าน ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า การโฆษณาจองวัคซีนของสถานพยาบาลเอกชน ไม่การขออนุมัติอย่างถูกต้อง สบส.จึงต้องมีคำสั่งให้ระงับการโฆษณา ด้วยเนื้อหาของโฆษณาอาจจะมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน และภาคเอกชนยังไม่กำหนดเวลาของวัคซีนที่เข้ามาอย่างชัดเจน บางครั้งก็มีการเก็บค่ามัดจำหรือค่าจอง ซึ่งเป็นภาระของภาคประชาชน อาจทำให้เกิดความคาดหวังเกินจริงและข้อร้องเรียนภายหลังได้ สบส.จึงขอกำชับให้สถานพยาบาลเอกชนที่ต้องการโฆษณาหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการวัคซีนโควิด 19 ยื่นคำขออนุมัติโฆษณาหรือประกาศให้ถูกต้องทุกครั้ง โดยโฆษณาหรือประกาศฯ ที่ผ่านการอนุมัติแล้ว ย่อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการ อีกทั้ง เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันด้านธุรกิจสถานพยาบาลที่จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน หากสถานพยาบาลเอกชนแห่งใดมีข้อคำถาม หรือต้องการคำแนะนำ ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่กองกฎหมาย สบส.ผ่านสายด่วน 1426 หรือสำนักงานสาธารณสุขในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ