นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เล่าถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก มองกลับมาที่ไทยยังน่าเป็นห่วง วอนหยุดการเดินทาง ลดการสูญเสีย หวั่นคุมเชื้อไม่ไหว

 
นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รายงานสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก 14 พฤษภาคม 2564 มีรายละเอียดดังนี้
 
อินเดียทะลุ 24 ล้านไปแล้ว ยังติดเพิ่มสามแสนสามหมื่นคน ตายเพิ่มอีกกว่าสามพันแปดร้อยคน
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 730,228 คน รวมแล้วตอนนี้ 161,782,551 คน ตายเพิ่มอีก 13,038 คน ยอดตายรวม 3,357,133 คน
 
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังคงเป็นเช่นเดิมคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา อาร์เจนตินา และฝรั่งเศส
 
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 34,994 คน รวม 33,621,266 คน ตายเพิ่ม 709 คน ยอดเสียชีวิตรวม 598,492 คน อัตราตาย 1.8%
 
อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 338,019 คน รวม 24,040,851 คน ตายเพิ่ม 3,888 คน ยอดเสียชีวิตรวม 262,239 คน อัตราตาย 1.1%
 
บราซิล ติดเพิ่ม 72,303 คน รวม 15,433,989 คน ตายเพิ่มถึง 2,161 คน ยอดเสียชีวิตรวม 430,417 คน อัตราตาย 2.8%
 
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 19,461 คน ยอดรวม 5,841,129 คน ตายเพิ่ม 131 คน ยอดเสียชีวิตรวม 107,250 คน อัตราตาย 1.8%
 
ตุรกี ติดเพิ่ม 11,534 คน รวม 5,083,996 คน ตายเพิ่ม 238 คน ยอดเสียชีวิตรวม 44,059 คน อัตราตาย 0.9%
 
อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่น
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
 
มาเลเซียตอนนี้ระลอกสามยังระบาดหนักมากขึ้น ติดเพิ่มถึง 4,855 คน ยอดติดเชื้อรวม 458,077 คน เคยติดเชื้อสูงสุด ณ วันที่ 30 มกราคม 2564 ถึง 5,728 คนต่อวัน
 
ส่วนญี่ปุ่น ล่าสุดติดเพิ่มถึง 7,058 คนในวันเดียว ตายเพิ่มกว่าร้อยคน ระลอกที่สี่นี้ยังทวีความรุนแรงต่อเนื่อง เค้าเคยติดเชื้อสูงสุด 7,855 คน ณ วันที่ 9 มกราคม 2564
 
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อย ยกเว้นลิธัวเนีย คาซักสถาน ยูเครน ที่ยังหลักพัน
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
 
เกาหลีใต้ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนเวียดนาม และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน ฮ่องกง
 
ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
 
กัมพูชายังไม่มีรายงานใหม่ การระบาดของเค้าเกินร้อยต่อวันมาถึง 5 สัปดาห์
 
 
 
 
สำหรับไทยเรานั้น
 
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่มถึง 4,887 คน ทำให้เรามียอดติดเชื้อรวมแซงถึง 4 ประเทศในวันเดียวคือ กาน่า แซมเบีย จีน และฟินแลนด์ ตอนนี้จึงขึ้นมาเป็นอันดับที่ 94 (จาก Worldometer เช้านี้)
ตามหลังอุซเบกิสถานอยู่ประมาณสองพัน คาดว่าจะแซงในวันสองวันนี้ เพราะทางอุซเบกิสถานติดเชื้อเพิ่มวันละสามร้อยกว่าคน
 
ลองเข้าไปดูใน Ourworldindata เรื่องระดับความเข้มข้นของนโยบาย กับการระบาดแต่ละระลอกของไทยเรา เห็นได้ชัดเจนตามกราฟคือ ยิ่งผ่อนคลายมาก (ตัวเลขยิ่งน้อย) ก็จะตามมาด้วยการระบาดหนัก ทั้งระลอกสอง และระลอกสาม ก็เกิดตามมาทั้งสองครั้ง
 
ดังที่เคยบอกไว้หลายครั้งว่า ระบบการตรวจคัดกรองต้องมีศักยภาพมากกว่าที่่เคยมี, อาวุธต้องมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย หลากหลาย และเพียงพอ, การป้องกันตัวของประชาชนต้องมีความเข้มแข็ง, นโยบายและมาตรการต่างๆ ควรเน้นเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ลดความเสี่ยง, และรูปแบบการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งบันเทิง ท่องเที่ยว เดินทาง ค้าขาย จำเป็นต้องมีการวางแผนปรับให้เน้นความปลอดภัยในระยะยาว ลดจำนวนคน ลดจำนวนการสัมผัสหรือพบปะ ลดเวลาในการสัมผัสหรือพบปะ เพิ่มระยะห่างระหว่างกัน
ขอให้มองไประยะยาว เพราะสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี้ หลายประเทศทั่วโลกได้แสดงบทเรียนให้ได้เห็นว่า ศึกระลอกสามนี้หนักมาก ยาวนาน และผลลัพธ์ที่จะตามมานั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ข้างต้นที่ได้กล่าวมาว่ามีความพร้อมและเข้มแข็งเพียงใด
 
หากพินิจพิจารณาอย่างถ่องแท้ เราคงทราบและพอคาดการณ์ได้เอง
 
คำแนะนำที่จะให้กับเราทุกคนตอนนี้คือ
 
  • หนึ่ง ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
  • สอง ควรตัดสินใจร่วมกันหยุดความเคลื่อนไหวระดับภาค ซึ่งรวมกลุ่มจังหวัดที่ระบาดหนัก มีเคสรายวันตั้งแต่สองหลักขึ้นไป เงื่อนเวลาที่ควรทำคือทำโดยเร็วเท่าที่จะทำได้ เตรียมความพร้อม ทำความเข้าใจกัน เพื่อช่วยกันตัดวงจรการระบาดให้ได้
  • สาม หมั่นตรวจเช็คอาการตนเองและสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด หากไม่สบาย ให้แยกห่างกัน และรีบไปตรวจรักษา
  • สี่ ตอนนี้เราเห็นปัญหาความขาดแคลนทั้งคนเงินของมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสถานพยาบาลและประชาชนทั่วไป ดังนั้นคงต้องช่วยกันประคับประคองให้อยู่รอดไปด้วยกัน ช่วยเหลือแบ่งปันคนตกทุกข์ได้ยากในพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ ตามกำลังที่พอมี
ส่วนเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการป้องกันตัวส่วนบุคคลนั้น ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด
ด้วยรักและห่วงใย