โอละพ่อหรือเปล่า? ตร.เผยเข้าตรวจสอบรถในที่เกิดเหตุไร้ร่องรอยเงินสด 1 ล้านบาท โซเชียลจับผิดเงิน 1 ล้านไม่น่ามีอยู่จริง

จากกรณีไฟไหม้รถเก๋ง ยี่ห้อ นิสสัน เทียน่า  สีดำ บนถนนสุขุมวิท พัทยาใต้ บริเวณหน้าแม็คโคพัทยา ฝั่งขาเข้าพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยผู้ขับขี่คือ นายจิรายุ อำนวยปริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ได้เปิดเผยหลังจากที่รอดชีวิตมาได้ว่าตัวเองขับรถมาเพื่อที่จะนำเงิน 1 ล้านบาทไปฝากธนาคาร แต่จู่ๆ ไฟเกิดลุกไหม้รถยนต์จึงได้ทิ้งเงินและกระโดดลงจากรถนั้น 

ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทยา เปิดเผยว่าเมื่อวานนี้ได้มีการเชิญตัวนายจิรายุส มาสอบปากคำซึ่งเบื้องต้นเป็นการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น โดยนายจิรายุ ให้การว่า เมื่อวานนี้พ่อได้ฝากเงินมา 1 ล้านบาท ใสถุงกระดาษ และสั่งให้นายจิรายุนำเงินไปฝากที่ธนาคาร ซึ่งก็ขับรถมาตามเส้นทางปกติแต่จู่ ๆ เกิดกระแสไฟไหม้ที่บริเวณหน้าห้องเครื่องมีควันดำ นายจิรายุพยายามที่จะหยุดรถแต่ไม่สามารถหยุดได้จึงรีบกระโดดลงจากรถเพื่อเอาขีวิตรอก โดยไม่ได้หยิบเงิน 1 ล้านบาทและโทรศัพท์หรือกระเป๋าใด ๆ ลงมาเลย

ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพ่อของนายจิรายุโดยพ่อก็ได้ยืนยันว่าได้มีการให้เงินลูกชายมา 1 ล้านบาทเพื่อนำไปฝากธนาคารจริง 

แต่จากการตรวจสอบร่องรอยของรถเมื่อว่าไม่พบร่องรอยของถุงกระดาษ และร่องรอยของธนบัตรที่ถูกเผาไหม้แต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ก็ได้มีการนำรถคันเกิดเหตุไปเก็บไว้เพื่อที่ในวันพรุ่งนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบอย่างละเอียด

สำหรับรถคันดังกล่าวนั้นได้ทำประกันชั้น2 ไว้ จึงไม่ได้มีครอบคลุมในเรื่องของทรัพย์สินที่เสียหายบนรถแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้มีผู้เสียหายเพียงคนเดียวคือนายจิรายุซึ่งตอนนี้ก็เข้ารักษาตัวอยู่ที่บ้านเพราะตามร่างกายมีแผลที่ถูกไฟไหม้บางส่วน 

ขณะเดียวกันก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียลว่าเงินไม่น่าจะมีจริง เพราะถ้าหากมีจริงๆ ก็คงไม่ทิ้งเงินไว้บนรถตั้ง 1 ล้าน

เช่นเดียวกับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ที่มีการโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ข่าวไฟไหม้รถมีความแปลก ๆ ทำไมถึงไม่หอบเงินออกมาด้วย ระบุว่า เมื่อมีการลงบันทึกประจำวันแบบนี้แล้วภายหลังมีการพิสูจน์ทราบพบว่าไม่มีเงิน 1 ล้านจริงจะเข้าข่ายการแจ้งความเท็จ