ผอ.โรงพยาบาลศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เข้าแจ้งความหลังผู้ป่วยปกปิดไทม์ไลน์เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง และทาง รพ.ตรวจพบเชื้อภายหลัง จนต้องสั่งปิดแผนกผู้ป่วยใน 14 วัน

กรณีที่นายพิเชต เอี่ยมประเสริฐ อายุ 50 ปี บ้านอยู่ ต.ดอนปรู อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เดินทางเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีประจันต์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา พยาบาลได้ซักถามประวัติแต่คนป่วยปกปิดข้อมูลการเดินทาง (ไทม์ไลน์) และคณะแพทย์พยาบาลตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ในภายหลังและได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช ทางโรงพยาบาลศรีประจันต์ ต้องสั่งปิดแผนกผู้ป่วยในตั้งแต่วันที่ 1-14 พฤษภาคม

ล่าสุด นายแพทย์สุธน ยุวศิรินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีประจันต์ พร้อมด้วย นายปิยะพงษ์ บุญส่ง นายอำเภอศรีประจันต์ ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.อนุรุต นวมทอง พนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายพิเชต เอี่ยมประเสริฐ อายุ 50 ปี ผู้ป่วยที่ปกปิดข้อมูล โดยมี พ.ต.อ.วรภพ จำปาเงิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ ร่วมรับแจ้งความ


นายแพทย์สุธน ยุวศิรินันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีประจันต์ กล่าวว่าวันนี้ตนในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมโรคตามกฎหมาย โรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดร้ายแรงผู้ป่วยรายนี้หลังจากเข้ามารักษาตัวเจ้าหน้าที่ได้ซักประวัติแล้วไม่ให้การตามความเป็นจริงมาทราบทีหลังว่าผู้รายนี้ได้เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงซึ่งการกระทำของผู้ป่วยเป็นการปกปิดข้อมูลดังนั้นเพื่อเป็นตัวอย่างและป้องปรามในอนาคตผู้ป่วยที่จะมาโรงพยาบาลจะได้ไม่ปกปิดข้อมูลกับทางแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งหมดจึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ ให้ดำเนินคดีนายพิเชต ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายนี้ที่ปกปิดข้อมูลทำให้เกิดความล่าช้าในการควบคุมโรคและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

นายปิยะพงษ์ บุญส่ง นายอำเภอศรีประจันต์ พร้อมพยานบุคคลและพยานหลักฐานต่างๆเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ในประเด็นที่ผู้ป่วยโควิด19เข้ารักษาตัวแล้วปกปิดข้อมูล ทำให้โรงพยาบาลต้องปิดการรักษาผู้ภายในซึ่งผู้ป่วยต้องมีความผิดในฐานะปกปิดข้อมูลอันเป็นเท็จเป็นความผิดต่อกฎหมายอาญามาตรา 137 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดตาม พรบ.ควบคุมโรคมาตรา 45 แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคมีความผิดปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ด้าน พ.ต.อ.วรภพ จำปาเงิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ กล่าวว่าในกรณีนี้ทางพนักงานสอบก็จะรอดูอาการของผู้ป่วยว่าเป็นอย่างไรถ้าอาการดีขึ้นก็จะให้พนักงานสอบสวนรีบไปสอบปากคำและดูข้อเท็จจริงประกอบถ้ามีความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่าจังหวัดสุพรรณบุรี มีผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่1 เมษายน 2564 –วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 มียอดผู้ป่วยจำนวน 275 รายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 154 รายรักษาหายและกลับบ้านแล้วจำนวน 153 รายและวันที่ 3 พฤษภาคม มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 14 รายทำให้ทางจังหวัดสุพรรณบุรีต้องเร่งเปิดโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยโควิด19 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ศูนย์การศึกษาอำเภอเดิมบางนางบวช ซึ่งจะมีเตียงรองรับผู้ป่วยได้ 100 เตียง