"นภาพร" ชี้ "ประยุทธ์" กำลังทำให้สถานการณ์การเมืองไทยเข้าใกล้พม่าขึ้นทุกที เตือนรัฐบาลอย่าอหังการเกินไป ฝุดเริ่มมีข่าวขบวนการสลายสีเสื้อจับมือล้มระบอบ"ประยุทธ์"

น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในขณะนี้ว่าเริ่มใกล้เคียงกับพม่าขึ้นทุกที โดยเฉพาะการคว่ำรัฐธรรมนูญที่พรรคร่วมรัฐบาลเป็นผู้ร่วมเสนอญัตติเอง แต่กลับส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจนเป็นที่มาของการหักหลังกันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของม็อบราษฎร นอกจากรัฐบาลจะไม่ให้ค่าแล้ว ยังทำการปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงหลังสามารถคว่ำร่างรัฐธรรมนูญได้ จนผู้ชุมนุมบาดเจ็บหลายราย ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้สื่อข่าวที่ถูกลูกหลงจากฝีมือของตำรวจไทยภายใต้การสั่งการของรัฐบาลประยุทธ์

ด้วยความที่ พล.อ.ประยุทธ์มั่นใจว่าถึงอย่างไรก็ไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ เพราะคงไม่ผ่านเสียง 250 สว.จึงได้แสดงความอหังการด้วยการออกมาเย้ยคนไทยว่า "หากอยากตัดวงจรสืบทอดอำนาจของตัวเองให้ได้ ก็ต้องกลับไปแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ก่อน แก้แล้วไม่เลือกตัวเองก็ได้ แต่ไปแก้มาให้ได้ก็แล้วกัน" ซึ่งท่าทีดังกล่าวสะท้อนถึงความลำพองของระบอบประยุทธ์ ที่ไม่เคยเห็นหัวใครอยู่ในสายตา ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สภาผู้แทนราษฎรหรือประชาชนทั่วไป จึงกล้าออกมาเยาะเย้ยถากถางนักศึกษาประชาชนอย่างลำพองอยู่ในขณะนี้น.ส.นภาพรกล่าว

ซึ่งนอกจากการหักหลังประชาชนด้วยการคว่ำรัฐธรรมนูญ การใช้ความรุนแรงปราบปรามลูกหลานเยาวชนแล้ว ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่มีวี่แววว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ไขได้  จึงเริ่มมีข่าวว่าตอนนี้แกนนำกลุ่มสีเสื้อต่างๆกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องการสลายสีเสื้อเพื่อออกมาขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ในเร็วๆนี้ เนื่องจากพวกเขาคงทนไม่ไหวที่ พล.อ.ประยุทธ์กับพี่น้อง 3 ป.อยู่มา 7 ปี แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมยังกล้าตระบัดสัตย์กับประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะการคว่ำรัฐธรรมนูญที่ถือเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่พี่น้องประชาชนคงสุดจะทนอีกต่อไป