"สุเทพ" มองฝ่ายค้านปัจจุบัน ทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจห่างชั้นฝ่ายค้านในอดีต ชี้ยังไม่เข้มแข็งพอ หนักไปทางดุดันและรุนแรง แต่ไร้น้ำหนัก ขณะที่"ประยุทธ์"ตอบดี มีลีลา ทำคนชอบใจ อัด "สุทิน" ไม่ทำการบ้าน พูดกล่าวหาลอยๆ ปมนายกฯปกป้องคดีโฮปเวลล์

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรี  ในฐานะผู้ที่เคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านและเป็นคนที่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมาก่อนด้วย ว่า การทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในยุคนี้ยังไม่เข้มแข็งเท่ายุคที่ผ่านมา เห็นความพยายามของส.ส. บางคน ที่เตรียมข้อมูลมาอย่างดี แต่ก็พบว่า พยานหลักฐานต่างๆยังไม่มีน้ำหนักพอสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และลีลาการอภิปรายหนักไปทางดุดันและรุนแรงมากกว่าเนื้อหา จุดสำคัญ คือ ยังไม่สามารถโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นว่า นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี บริหารราชการไม่ถูกต้องอย่างไร

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เป้าหมายการอภิปรายพุ่งตรงไปที่นายกรัฐมนตรี ไม่ว่าใครทำอะไรผิดก็จะโทษว่าเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ถือว่าทำหน้าที่ตอบได้ดีมาก และมองว่าพลเอกประยุทธ์ มีความเชี่ยวชาญงานในสภามากขึ้น การตอบชี้แจงก็มีลีลา ที่ทำให้คนชอบใจอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีรัฐมนตรีบางคนที่ตอบแล้วประชาชนยังไม่ค่อยถูกใจเท่าไร

"เท่าที่ผมสังเกตุเห็น เน้นไปในเรื่องของความแรงในการอภิปราย จะบางครั้งสื่อก็นำมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า มันเป็นลักษณะที่ค่อนข้างจะ หยาบและรุนแรงเสียมากกว่า" ตัดชน นาที่ที่ 4.51 " จากการรายงานของสื่อ ผมยังไม่เห็น ว่ามีผู้อภิปรายท่านใด ที่ทำงานได้ยอดเยี่ยม ถึงขนาดที่ทำให้สังคมมองภาพรัฐบาล ล้มเหลวหรือบริหารงานไม่ดี ยังไม่ถึงขนาดนั่น จะให้คะแนนถึงขนาดนั้นคงไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับฝ่ายค้านสมัยก่อน ฝ่ายค้านวันนี้ยังห่างชั้นกับคนที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ในสมัยก่อน นี่ยังไม่พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านนะ" นายสุเทพ กล่าว

ส่วนที่ใครหลายคนมองว่า การตอบของรัฐมนตรีบางคนยังไม่ตรงคำถาม ใช้วิธีตอบน้อย ไม่ตอบเลย เอะอะๆก็ขู่ฟ้อง นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จุดเด่นคือฝ่ายค้านที่ต้องชี้ให้ ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลทำอะไรไม่ถูกไม่ต้องอย่างไร เป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การตอบการชี้แจงของนายกฯและรัฐมนตรี ยังเป็นประเด็นรอง ไม่ค่อยมีผลสำหรับการลงคะแนนเสียง เพราะไม่ว่ารัฐมนตรีหรือนายกจะชี้แจงอย่างไร สุดท้ายฝ่ายค้าน ก็จะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่หากชี้แจงดีก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่เป็นบวกของฝ่ายรัฐบาลเอง ในอดีตก็เคยมี รัฐมนตรีบางคนเลือกตอบเฉพาะประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจ

นายสุเทพยัง กล่าวต่อด้วยว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้แตกต่างจากในอดีต หลายเรื่องยกตัวอย่าง ในอดีตไม่เคยมีกรณีที่ฝ่ายค้าน ข้ามฟากมาลงมติไว้วางใจให้กับรัฐมนตรีหรือนายกที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และก็ไม่เคยมีกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในฝั่งของตนเช่นกัน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมันผิดปกติจากเกณฑ์ปกติที่เคยมีมา

อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ขอปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า พยานหลักฐานต่างๆที่ฝ่ายค้านมีจะสามารถนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

นายสุเทพ ทิ้งท้ายด้วยว่า บุคคลที่เป็นฝ่ายค้านต้องระวัง อย่าลืมว่าการอภิปรายที่ไปพาดพิงถึงบุคคลภายนอกไม่ได้รับการคุ้มครอง เขาคุ้มครองเฉพาะการอภิปรายที่พูดถึงบุคคลที่อยู่ในสภาเท่านั้น แต่หากพูดจาพาดพิงไปถึงบุคคลภายนอกและเขาได้รับผลกระทบ เขาก็มีสิทธิ์ไปฟ้องร้องดำเนินคดี เช่นเดียวกับกรณีของตนที่ถูกกล่าวหากลางห้องประชุม ว่าพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา เอื้อเฟื้อและปกป้องตนเองในคดีโฮปเวลล์ ตนจึงไปยื่นฟ้องนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เพื่อปกป้องเกียรติยศของตนเอง เพราะถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดประมาท ทำให้รัฐเสียหาย 2-3 หมื่นล้าน ทั้งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง

"ผมคิดว่าทำการบ้านไม่พอ และอาจจะอภิปราย เล่นงานรัฐบาลเล่นงานพลเอกประยุทธ์ พยายามเชื่อมโยงว่าสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ ทำมาทั้งหมด ไม่ได้ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ แต่ทำเพื่อที่จะต้องการช่วยให้ผมพ้นผิด ซึ่งแบบนี้มันเป็นการหมิ่นประมาทโดยตรง เหมือนต่อว่าผมร่วมมือกับพลเอกประยุทธ์ เลยเถิดไปถึงขั้นบอกว่า ผมส่งเสียให้พลเอกประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปกันใหญ่ เขาไม่น่าจะมีหลักฐาน พูดด้วยการคิดเอาเอง แต่การที่จะอภิปรายกล่าวหาคน คิดเอาเองไม่ได้" นายสุเทพ กล่าว