"ลุงพล" ชี้แจงประเด็นร้อนหลังเจอศึกรอบด้าน ยัน บริสุทธิ์ล้านเปอร์เซ็นต์ พร้อมให้สัญญาลูกผู้ชาย จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบเมื่อวานอีก

(20 ม.ค. 2564) นายไชยพล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร วิภา หรือป้าแต๋น พร้อมด้วยนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงประเด็นร้อนหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นประเด็นโด่งดังเมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 2564) ที่แย่งไมค์และทุบหลังนักข่าวช่องดัง

โดยประเด็นแรก ลุงพล ได้โชว์สมุดบัญชีการรับเงินบริจาค พร้อมระบุว่า ได้เงินบริจาคมาจำนวน 886,934.82 บาท มีการเบิกเงินออกมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรก 150,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 108,000 บาท และครั้งที่ 3 จำนวน 300,000 บาท ส่วนยอดคงเหลือตอนนี้อยู่ที่ 328,601 บาท ในจำนวนนี้ ยังต้องจ่ายค่าปูนและค่าช่างขัดปูนด้วย ขณะที่เงินบริจาคส่วนที่เหลือ ได้พูดคุยกับพระอาจารย์สมบัติ ประธานสำนักสงฆ์ภูหลวงแล้ว โดยพระอาจารย์สมบัติ ปฏิเสธที่จะรับเงินส่วนนี้ จึงได้แจ้งว่าจะนำไปซ่อมแซมห้องน้ำ รวมถึงศาลาการเปรียญวัดกกกอก

ส่วนกรณีที่มีชื่อของยูทูบเบอร์ร่วมเปิดบัญชีด้วยนั้นเพราะว่า เนื่องจากตอนแรกได้มีการนิมนต์พระอาจารย์สมบัติ พร้อมคณะกรรมการสำนักสงฆ์ จำนวน 9 คนไปเปิดบัญชี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะไม่ใช่วัด ต่อมาจึงได้ปรึกษากันว่าจะใช้ชื่อตนเองเป็นเจ้าของบัญชี พร้อมนำนายแถร เงินนาม หรือ ผู้ช่วยจ่อย และยูทูบเบอร์ อ๋อ มาร่วมเปิดบัญชี เพราะคนนึงเป็นผู้นำชุมนุม และอีกคนเป็นตัวแทนกลุ่มยูทูบเบอร์ ที่แฟนคลับโอนเงินมาร่วมบริจาคจำนวนมาก

ประเด็นต่อมา ลุงพล ชี้แจงถึงกรณีเมื่อวานนี้ที่มีภาพการแย่งไมค์ ว่า ยอมรับว่าเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมและไม่อยากให้เกิดขึ้น ขอยอมรับผิดทุกกรณี ก่อนหน้านี้ทุกคนอาจคิดว่าตนเองเป็นคนสุภาพเรียบร้อย แต่ความจริงแล้วลุงเป็นคนพูดจาโผงผาง พูดตรง ๆ จึงขอโทษสื่อทุกแขนงทุกช่อง ขอสัญญาแบบลูกผู้ชายว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก และยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นสื่อ

ส่วนประเด็นที่มีข่าวว่างดให้สัมภาษณ์ 2 เดือนนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นเรื่องที่ได้พูดกับนักข่าวช่องหนึ่ง แต่กับสื่ออื่นไม่ได้บอกว่างดให้สัมภาษณ์ แต่จังหวะที่คุยกับนักข่าวมียูทูบเบอร์ได้ยินพอดี เลยกันสื่อออกไปไม่ให้เข้าใกล้ลุงพล ซึ่งความรู้สึกในขณะนี้ยังมีความรู้สึกดี ๆ กับทุกช่อง เพราะยังต้องพึ่งสื่อเรื่องคดีของน้องชมพู่

ส่วนเรื่องคลิปเคี้ยวไม้แล้วถุยทิ้งนั้นไม่ได้ตั้งใจจะล้อเลียนเจ้าหน้าที่ตามที่โลกโซเชียลวิจารณ์ แต่การกระทำในลักษณะนั้นเป็นนิสัยของพรานป่าที่เคี้ยวไม้เพื่อพิสูจน์รสชาติของไม้ ไม่ได้เป็นการล้อเลียน ส่วนเรื่องไม้มะค่าแต้ ก็ไม่ได้มีเจตนาที่ให้ใครมากราบไหว้ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตอนที่ตัดหัวตัดท้ายตั้งใจจะเอามาทำเสาบ้าน แต่สังเกตุแล้วเนื้อไม้มีสีเหลืองเหมือนตะเคียน เลยไม่กล้านำมาทำเสาบ้าน บวกกับ มี Fc โทรมาบอกว่า มีตะเคียนอยู่ใกล้บ้าน ทำให้เอะใจ และคิดว่าไม้ต้นนี้เป็นต้นตะเคียน

เมื่อนักข่าวถามย้อนถามไปถึงเรื่องคดีน้องชมพู่ หลังจากที่ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ว่า คนร้ายคงนอนไม่หลับ ลุงพลเองก็เชื่อว่าเหมือนกันว่าคนที่ทำผิดก็คงนอนไม่หลับ หากจะปิดคดีจริงส่วนตัวก็รู้สึกดีใจที่คดีจะจบ ดีใจที่ ผบ.ตร.จะสาวไปถึงคนร้ายได้ ยังยืนยันคำเดิมล้านเปอร์เซ็นว่า วันเกิดเหตุลุงพลและป้าแต๋นไม่เห็นชมพู่

ขณะที่ นางสมพร หรือ ป้าแต๋น เผยว่า ตอนนี้เป็นห่วงลุงพล เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมาก แต่พยายามนิ่ง ไม่ต่อสู้กับใคร ความรู้สึกตอนนี้อยากอยู่แบบชาวบ้านไม่อยากเป็นดารา

ด้านทนายรัชพล เผยว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่มาเมื่อวานนี้ จากการพูดคุยตั้งแต่เจอกันรับรู้เลยว่าลุงพลมีอาการเครียด อารมณ์แปรปรวน เพราะตอนนี้มีหลายคดี ทั้งต้นตะเคียน เงินบริจาค เครื่องดักฟัง และประเด็นงดให้สัมภาษณ์สื่อ ซึ่งต้องบอกว่า ลุงไม่ใช่ดารา การควบคุมอารมณ์จึงไม่เท่ากับคนในกรุงเทพฯ ไม่เหมือนคนที่มีวุฒิภาวะมากมาย และวันนี้ลุงพล พร้อมรับผิด และขอโทษ ไปยังสื่อ ขอโทษนักข่าว ขอโทษต้นสังกัด ตอนนี้ลุงพลรู้สึกผิด สำนึกผิด ซึ่งที่ตนเองบินมากกกอก ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ก็ได้แนะนำลุงพล ไปหลายเรื่อง