รวบ! "อั๋น กีวี่" เอเยนต์ #เคนมผง พื้นที่วัดพระยาไกร ล่าสุดยังให้การภาคเสธ รับเพียงนำยามาขายจริง แต่ไม่ได้ผสมเอง ด้าน ตำรวจขยายผลหาความเชื่อมโยงในพื่นอื่น

พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลร่วมกับตำรวจ 191 แถลงผล ความคืบหน้ากรณีการจับกุมนายอมรเทพ เฉลิมวัฒน์ หรือ อั๋น กีวี่ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายค้า "เค นมผง" ซึ่งถูกตำรวจจับกุมได้ที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (17 ม.ค.) ตามหมายจับศาลอาญา คดียิงแฟนสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา จากการขัดแย้งเรื่องยาเสพติด

จากการสอบสวนพบว่า นายอมรเทพ มีส่วนเกี่ยวข้อง กับ คดีเคนมผง เนื่องจากตำรวจพบของกลางซองพลาสติกเล็กและเครื่องชั่งที่บ้านจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมด้วย แต่นายอมรเทพ ยังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ผสม แต่ยอมรับมาจากผู้อื่นอีน โดยได้ร่วมกับนางสาวกุลนที เอี่ยมลอย ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ เป็นผู้ขายเคนมผงให้ผู้ตาย ที่เสียชีวิตในบ้านเช่า ซอยเจริษราษฎร์ 7 แยก 4 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม ซึ่งการซื้อขายทุกครั้ง นางสาวกุลนทีจะเป็นผู้ติดต่อ แล้วนำยาไปขายให้ลูกค้า แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ เนื่องจากในแนวทางการสืบสวน แต่ก็ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

โดยพลตำรวจโทภัคพงศ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังเชื่อมโยงนายอมรเทพได้เพียงจุดเดียว แต่ในจุดอื่นๆ ของพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร และพื้นที่อื่นที่มีการเสียชีวิตจากเคนมผงนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะเคนมผงที่พบในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ก็มีหลายส่วนผสมหลายสูตร อาจมาจากหลายแหล่ง ซึ่งที่มาของยาเสพติดที่นายอมรเทพรับมาขาย ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ว่าจะเป็นพื้นที่เดียวกับผู้ค้าเคนมผงรายอื่นที่รับมาจากย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี หรือไม่ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการสืบสวน

สำหรับประวัติของนายอมรเทพ พัวพันกับการค้ายาเสพติดมานานหลายปีแล้ว และเคยติดคุกคดียาเสพติดจนเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 60 และก็ยังพัวพันค้ายาเสพติดมาโดยตลอด ขณะที่พนักงานสอบสวนคุมนายอมรเทพไปสอบปากคำ นายอมรเทพ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตจากเคนมผงในพื้นที่สน.พระยาไกร รวมถึงไม่ได้เป็นเอเย่นต์ค้ายา และผู้ผสมสูตรเคนมผงขึ้นมา พร้อมย้ำตนเป็นผู้ถูกกระทำ

ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากการเสพเคนมผงขณะนี้ ยอดรวมเสียชีวิต 10 คน และพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรวม 6 คน ในจำนวนนี้อาการโคม่า รักษาตัวในห้องไอซียู 2 คน