"ณัฏฐพล" ปล่อยตัว 77 ทีม ศธ. รับมอบแผนพลิกการศึกษาทั่วประเทศ ยกภูเก็ตโมเดลเป็นต้นแบบ หวังพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและเท่าทันโลก

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่การกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศแผนบูรณาการการศึกษาทั่วประเทศ เป็นนโยบายหลักใน พศ. 2564 เพื่อผลิตการศึกษาของประเทศ ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงทั้งองค์กร อิงตามแผนพัฒนยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี เน้นความสอดคล้องกับบริบทของแต่ละจังหวัด

นายณัฏฐพล กล่าวว่า การศึกษาถือเป็นเครื่องมือชี้วัดคุณภาพและศักยภาพในด้านต่างๆ ของประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างทุนมนุษย์ (Human Capital) ที่มีความสามารถในการแข่งขันเท่าเทียมกับต่างประเทศ และเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของศตวรรษที่ 21 การพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและมีความจำเป็นเร่งด่วน

ซึ่งจากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า โรงเรียนในสังกัดสำนักงนการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) กว่า 15,000 โรงเรียน เป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนน้อยกว่า 120 คน การบริหารจัดการด้านงบประมาณที่มีอยู่ ไม่สามารถพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดสรรบุคลากรทางการศึกษา ไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง ส่งผลต่อการเรียนการสอนที่ให้ประสิทธิภาพของผู้เรียน

นอกจากนี้ จากสถิติการเกิดของเด็กในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่ลดลงสวนทางกับจำนวนโรงเรียนที่มีเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีการบริหารจัดการให้มีความสอดคล้องเท่าทันไปกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต จึงได้เกิดแผนบูรณาการการศึกษาทั่วประเทศขึ้น เพื่อยกระดับการศึกษา

โดยให้มีการบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภพ สร้างโรงเรียนคุณภาพให้กับชุมชน มีพื้นที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้และทำกิจกรรม สร้างตึกและอาคารเรียนที่ได้มาตรฐานระดับสากล จัดสรรบุคลากรทางการศึกษาที่มีอยู่ในระบบให้เข้าถึงในทุกโรงเรียน

ทั้งนี้ การบริหารจัดการแผนบูรณาการการศึกษาในครั้งนี้ มุ่งเน้นการทำงานที่เชื่อมโยงประสานกันของบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการทั่วประเทศ โดยแผนการดำเนินงานนั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาเท่านั้น แต่ยังดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศ และบริบทของแต่ละจังหวัดอีกด้วย

ซึ่งผลของการดำเนินงานครั้งนี้ นอกจากเด็กจะได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องของสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาที่มีความสมบูรณ์มากขึ้น ยังจะได้รับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ จากการที่มีครูครบชั้น ครบวิชา ในแต่ละโรงเรียนได้รับเงินอุดหนุนที่สามารถจัดการทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนครูเมื่อครูครบชั้น ก็จะลดเวลา ลดภาระงาน และพุ่งเป้าหรือให้ความสำคัญในการพัฒนาการเรียนการสอนให้กับเด็กได้มากขึ้น

และสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการจะต้องคิดจากนี้ต่อไป ก็คือจะใช้พื้นที่โรงเรียนบางส่วน ในการพัฒนาสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชุมชน ทั้งเป็นพื้นที่การเรียนรู้เพิ่มเติมสำหรับเด็กๆ การสร้างคอมมูนิตี้หรือหอพักสำหรับคุณครู หรือมุ่งหวังถึงการเป็นพื้นที่สำหรับพัฒนาทักษะๆ เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนในชุมชนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละจังหวัดอีกด้วย

ทั้งนี้ แผนบูรณาการการศึกษาดังกล่าว ได้มีการลงพื้นที่สำรจและพัฒนาโดยการใช้ฟื้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นต้นแบบ ซึ่ง จังหวัดภูเก็ตมีความโดดเด่นเรื่องของการท่องเที่ยวและบริการ โดยเฉลี่ยในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า18% เลือกเดินทางสู่จังหวัดภูเก็ต สร้างรายได้กว่า 29% ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งประเทศ

ดังนั้น แนวทางการพัฒนาการศึกษา นอกจากจะมุ่งเน้นทางด้านวิชาการแล้ว ยังมีแนวคิดที่จะเสริมทักษะด้านภาษาที่สองและสามให้กับนักเรียน นักศึกษาสร้างโรงเรียนฝึกอาชีพ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เป็นต้น

โดยแนวทางการพัฒนาโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ตนั้น ได้วางเป็น 3 แนวทางหลัก คือ

แนวทางที่ 1 โรงเรียนคุณภาพชุมชนระดับประถมศึกษา

แนวทางที่ 2 โรงเรียนขนาดเล็กที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ (Stand Alone)

แนวทางที่ 3 ยกระดับโรงเรียนมัธยมดีสี่มุมเมือง

จากการศึกษาเบื้องต้นตามแผนพัฒนาโรงเรียนใน 3 รูปแบบ ส่งผลให้เงินงบประมาณให้กับโรงเรียนในจังหวัดภูเก็ต สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภพมากขึ้น ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่า สิ้นปีงบประมาณ 2565 น่าจะเห็นภาพตัวอย่างชัดเจนขึ้น

ทั้งนี้ จากการประชุมได้มอบหมายให้ตัวแทนจากทั้ง 77 จังหวัด แผนพัฒนาในจังหวัดของตนเอง พื่อนำเสนอแนวทางพัฒนารวมถึงการพิจารณาวางแผนงบประมาณต่อไป