ศาลตัดสินจำคุก 4 ปี 6 เดือน "รุ่งศิลา" นักเขียนเสื้อแดงผิด 112 แต่เคยถูกขังเกินแล้วจึงไม่ต้องนอนคุกต่อ ลั่น!อุทธรณ์คดีต่อ ไม่หยุดสู้เดินหน้าต่อไป

เมื่อเวลา 09.00 น. ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี หมายเลขดำอ.3032/62 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิรภพ กรณ์อรุษ เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา112 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 ที่ห้องพิจารณา 914 จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 7 พ.ย.52 - 30 มิ.ย.57 จำเลยซึ่งใช้นามแฝง รุ่งศิลา ได้เขียนบทความ คำกลอน และภาพการ์ตูนล้อเลียนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ต่างๆ หลายครั้งหลายหนซึ่งล้วนเป็นเท็จลงในเว็ปประชาไทย

โดยมีเจตนาเพื่อให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพ สักการะ อันเป็นการล่วงละเมิด สถาบันเบื้องสูง เหตุเกิดแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โดยคดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี เดิมคดีถูกพิจารณาในศาลทหารตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คดีความมั่นคงในส่วนพลเรือนถูกพิจารณาในศาลทหาร ก่อนมีการยกเลิกคำสั่งภายหลัง โอนย้ายคดีส่วนพลเรือนมาพิจารณายังศาลอาญาตามปกติ

โดยก่อนหน้านี้ นายสิรภพเคยถูกคุมขังคดีนี้ไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน และได้รับการประกันตัวในเดือน มิ.ย. 2562 สำหรับวันนี้ นายสิรภพเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา โดยมีทีมทนาย ผู้แทนสถานทูต และผู้ติดตามให้กำลังใจเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ซึ่งอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของ

เมื่อถึงเวลาศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานตำรวจ ปอท. เบิกความเกี่ยวกับการที่ คสช. สั่งให้ ปอท. ส่งข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ให้ คสช. โดยจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งเรียกไปรายงานตัว จึงขอศาลออกหมายจับ เมื่อจับจำเลยได้ควบคุมตัวและสอบถาม จำเลยยอมรับว่าเป็นผู้ลงข้อความ ประกอบกับพยานบุคคลฝ่ายโจทก์เบิกความเกี่ยวกับภาพที่ดูแล้วสื่อให้เข้าใจว่าเป็นในหลวง รัชกาลที่ 9 ประกอบกับข้อความที่จำเลยพูดคุยกับคู่สนทนามีการพาดพิงสถาบันจริง จึงถือเป็นความผิดตามฟ้องในส่วนของภาพการ์ตูน 2 ภาพ

ส่วนบทกลอนในเว็บไซต์ประชาไท มีการใช้คำเปรียบเปรยอุปมาอุปไมย การตีความของแต่ละคนต่างกัน ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยในส่วนนี้ให้แก่จำเลย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ จำคุก 3 ปี 2 กระทง รวมจำคุก 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 4 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม นายสิรภพ จำเลย ถูกคุมขังในเรือนจำมาก่อนหน้านี้แล้วเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน 18 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2557 - 11 มิ.ย. 2562 ซึ่งเกินโทษจำคุกที่ศาลพิพากษาในวันนี้ ดังนั้นนายสิรภพจึงไม่ถูกส่งตัวไปเรือนจำหรือต้องยื่นประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์อีก

ด้านนายสิรภพ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสอ้นการพิพากษา ว่า จะอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป ตนยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต้องการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ในวันนี้บางอย่างอาจจะพูดไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างต่อสู้คดี แต่เชื่อว่าวันข้างหน้าคำฟ้องทุกหน้า ข้อกล่าวหาทุกบรรทัดจะได้เผยแพร่เป็นสาธารณะ เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างกับการฟ้องร้องเอาผิดมาตรา 112 ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกขังในระหว่างพิจารณาคดีและไม่ได้รับการประกันตัวนานที่สุดในคดีนี้ เป็นระยะเวลา 4 ปี 11 เดือน

แล้วก็มาได้รับการประกันตัวในช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งปี 2562 ประกอบกับมีเอกสารแถลงการณ์ของยูเอ็นกับการคุมขัง ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับการปล่อยชั่วคราว ส่วนจุดยืนของตนเองนั้น เพื่อต้องการให้เห็นว่ามีการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ต่อต้านการรัฐประหาร สำหรับประเด็นการถูกกล่าวหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูงนั้น ขอไม่ตอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกกล่าวหาด้วยมาตรานี้ แต่เรื่องการต่อสู้ยังยืนยันว่าจะไม่หยุด ยังเดินหน้าต่อไป