กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมและสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน (23 ธันวาคม 2563 เวลา 06.00 น.) รวม 3 จังหวัด ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา รวม 28 อำเภอ 160 ตำบล 787 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 41,223 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย (ยะลา 1 ราย นราธิวาส 2 ราย) จุดอพยพ 6 จุด อพยพประชาชน 369 คน (นราธิวาส 4 จุด ยะลา 2 จุด)

โดยปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 3 จังหวัด รวม 23 อำเภอ 134 ตำบล 696 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 40,055 ครัวเรือน ดังนี้

1. นราธิวาส น้ำท่วมในพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแว้ง อำเภอศรีสาคร อำเภอระแงะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอสุไหงปาดี อำเภอบาเจาะ อำเภอจะแนะ อำเภอสุคิริน อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอเมืองนราธิวาส อำเภอยี่งอ อำเภอรือเสาะ และอำเภอตากใบ รวม 73 ตำบล 444 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 29,239 ครัวเรือน

2. ปัตตานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งยางแดง อำเภอมายอ อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอสายบุรี อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอยะรัง อำเภอกะพ้อ และอำเภอไม้แก่น รวม 41 ตำบล 155 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,067 ครัวเรือน

3. ยะลา น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา และอำเภอรามัน รวม 20 ตำบล 97 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,749 ครัวเรือน

ภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 1 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ดินสไลด์ปิดทับบ้านเรือนประชาชนในอำเภอเบตง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยระดมเครื่องจักรกล เครื่องสูบน้ำ เข้าพื้นที่เพื่อเร่งระบายน้ำ และให้การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป