ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฏิบัติการ ยุทธการปิดฉากเครือข่าย "จูน บ่อดิน" โค่นเเก๊งค้าเสพติดรายใหญ่ในภาคกลาง พบเงินหมุนเวียนเครือข่ายนี้กว่า 1,000 ล้าน บาท

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 พร้อมด้วยชุดสยบไพรี กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับตัวนายอานนท์ กิรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาร่วมกันสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด กลางไร่ข้าวโพด ห่างจากบ้านพักที่ผู้ต้องหาอยู่เกือบ1 กิโลเมตร

ก่อนหน้านั้น ตำรวจมาถึงบ้านพักกลับพบว่าประตูบ้านถูกล็อคจากข้างนอก เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้ยังพบอีกว่าพัดลมยังคงเปิดอยู่ลักษณะคล้ายกับผู้ต้องหาเพิ่งจะออกไปได้ไม่นาน ชุดสยบไพรีจึงนำโดรนขึ้นบินจนพบว่านายอานนท์ผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีไปอยู่ในไร่ข้าวโพด ทีมข่าวเราเองก็วิ่งหาตัวผู้ต้องหาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ไปด้วย ระหว่างทางพบรองเท้าเเตะสีเขียวกระจัดกระจาย เชื่อว่าเจ้าตัวรีบวิ่งหนีจนรองเท้าหลุด หนีไปเกือบ1กิโลเมตร สุดท้ายหนีไม่รอดถูกจับตัวไว้ได้

เบิ้องต้นนายอานนท์ รับว่ารู้จักกับจูน บ่อดิน จริง แต่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เเต่ก็รับว่าจูน บ่อดินเคยไหว้วานให้ไปโอนเงินผ่านตู้ธนาคารในจำนวนหลักหมื่นบาท สาเหตุที่ตัวเองต้องหนี เพราะคนที่ร้านอาหารโทรศัพท์มาบอกว่่าตำรวจมาหา ด้วยความตกใจ จึงคิดหนีไว้ก่อน

เเม้จะยังปฏิเสธ เเต่ชุดสืบสวนมีข้อมูลว่านายอานนท์ เป็นมือขวาหรือ ลูกน้องคนสนิทของนายจิตพันธ์ มีเมือง หรือ จูน บ่อดิน ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคกลางโดยเฉพาะจ.สิงห์บุรี เเละลพบุรี ที่มีฉากหน้าขุดบ่อดิน เเละทำร้านอาหาร ก่อนถูกจับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบเงินหใุนเวียนเครือข่ายนี้กว่า 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้นายอานนท์ยังมีพฤติกรรมต้องสงสัยขณะที่ผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีการจับกุมได้โยนโทรศัพท์มือถือทิ้งเข้าไปในไร่ข้าวโพด ตำรวจจึงช่วยกันค้นหาเกือบ 1 ชั่วโมง และก็เจอโทรศัพท์มือถือสีดำ ปิดเครื่องตกอยู่บนดิน จึงเก็บมาเป็นหลักฐานและสืบสวนหาผู้เชื่อมโยงต่อ

การเปิดปฏิบัติการ ปิดฉากเครือข่ายจูนบ่อดินในครั้งนี้ ปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ภาคเหนือเเละภาคกลาง ทั้งหมด34 จุด ในพื้นที่จ.สิงห์บุรี/ ชัยนาท /ลพบุรี /สุพรรณบุรี /พิษณุโลก / เพชรบูรณ์ /เชียงใหม่ /สมุทรปราการ เเละกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ของภาคกลาง