"พิธา" ลั่น! "ประยุทธ์" คือใจกลางความล้มเหลว เป็นนายกฯที่แย่ที่สุดของประเทศ ชี้ เยาวชนอยากปลดแอกตัวเองจากระบบห่วยแตก

(9 ก.ย. 2563) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ว่า การประชุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการประชุมในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของประเทศไทย และไม่มีครั้งไหนหนักหนาเท่าครั้งนี้ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือวิกฤตภาวะผู้นำ หลายครั้งมีการเปรียบเทียบกับสถานการณ์ต้มยำกุ้ง 2540 แต่ในปี 2540 ยังมีระบบโครงสร้างการเมืองทีดี และมียังมีรัฐธรรญเป็นประชาธิปไตยในระดับหนึ่ง ต่างจากปัจจุบันที่มีระบบการเมืองที่แข็งตัวนิ่งเฉย ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่รุนแรง และมีรัฐบาลที่อ่อนแอ รุนแรงยิ่งกว่าต้มยำกุ้งที่ไม่รู้ว่าวิกฤตนั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และการชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความคิดที่ต่างกันระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แต่เป็นการคิดต่างระหว่างคนมีหวังและคนสิ้นหวัง และตนประเมินว่าภาวะเศษฐกิจไทยจะแย่ที่สุดในอาเซียน

นายพิธา ยังตั้งคำถามด้วยว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำไรบ้างในภาวะเช่นนี้ รัฐบาลเกิดภาวะใส่เกียร์ว่าง รัฐบาลใจเย็นหรือเลือดเย็น การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยิ่งแย่ ต้องยิ่งฟื้นตัว แต่ผลลัพท์คือความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังลดต่ำลง สะท้อนว่าประชาชนไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่รัฐบาลทำ และราชการยังคอรัปชั่นซ้ำเติมสถานการณ์

นอกจากนี้ นายพิธา ยังมองว่าการบริหารราชการของนายกรัฐมนตรี 5 ปีแรก ซึ่งไม่มีฝ่ายค้านและไม่มีการตรวจสอบ และมีงบประมาณที่สูงกว่า 25 ล้านล้านบาท แต่ผลงานเศรษฐกิจกลับรั้งท้าย ทำให้คนในประเทศพบกับความมืดมนหมดหวัง แรงบีบคั้นและกดดันจะสูงขึ้นทำให้ประเทศเกิดทางตัน นายกรัฐมนตรีไม่มีภาวะผู้นำทำให้การเมืองบิดเบี้ยวที่สุด และรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังออกแบบมาเพื่อการจัดตั้งของพรรคของรัฐบาล แต่ผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดกลับไม่ได้ตั้งรัฐบาล และรัฐบาลผสมไม่มีเอกภาพ ต่างคนต่างมีนโยบาย ไร้ทิศทางไม่มีอนาคต

การใช้มาตรา 116 ไม่สมเหตุผลและจะขยายความขัดแย้งไปในวงกว้าง ผลออกมายิ่งจะเป็นการยั่วยุทำให้ประชาชนโกรธ โดยเฉพาะผู้ที่ลุกขึ้นมาประท้วงรัฐบาลเป็นเยาวชนเด็กนักเรียน และตั้งคำถามว่ารัฐจะต้องจับอีกกี่คน นายกรัฐมนตรีจะเลือกหันกระบอกปืนเข้าหาประชาชนอีกหรือไม่ และจะยอมให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซากอีกหรือไม่ ตนหวังให้นายกฯคิดได้ และไม่กลับไปสู่จุดนั้น

นอกจากนี้นายพิธา ยังระบุอีกว่า ระบบราชการไทยมีระบบอุปถัมภ์ ล้าหลังไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมไปถึงระบบการศึกษาไทยล้าหลังไม่เคยเปลี่ยนแปลง สอนไม่ต่างจากเดิม บ่มเพาะระบบอำนาจนิยม ทั้งกดระเบียบล้าหลัง ความล้าหลังกดทับยาวนานทำให้นักเรียนต้องการปลดแอกตัวเองออกจากระบบห่วยแตกแบบนี้

หากปฏิรูปการเมืองตั้งแต่ 6 ปี ก่อนก็จะไม่เกิดการชุม  และ 6 ปีที่ผ่านมานับได้ว่าหาได้ยากใครจะคงอำนาจได้ยาวนาน แต่พิสูจน์แล้วว่าได้ผู้นำไร้วิสัยทัศน์ ได้ผู้นำที่แย่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยมีมา และใจความล้มเหลวนั้นอยู่ที่นายกรัฐมนตรี