กว่า 2 เดือนแล้วกับคดีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" ที่ขณะนี้ยังไม่ปรากฎหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่านี่คือการฆาตกรรม ขณะที่แม่น้องชมพู่ ล่าสุดปัดตอบสื่อ

(11 ก.ค. 2563) นับเป็นวันที่ 61 แล้ว สำหรับการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ในพื้นที่อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ตำรวจฝ่ายสืบสวนนับร้อยนาย ยังคงเดินหน้าหาหลักฐานเพื่อคลี่คลายคดีนี้ แต่ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ใช้ยืนยันว่า น้องชมพู่ ถูกฆาตกรรม

ด้านนายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ บุญลักษณ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ผ่าชันสูตรศพน้องชมพู่ เป็นคนแรก เปิดเผยผลชันสูตรอย่างละเอียดในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯของรัฐสภา บอกว่า ได้ทำการชันสูตรศพเมื่อเวลา 14.30 น. ของวันที่ 15 พฤษภาคม

โดยยืนยันว่า สภาพศพภายนอกมีเพียงร่องรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากกิ่งไม้ ซึ่งรอยขูดขีดจะกระจายเป็นกลุ่ม ๆ แต่พบมากที่สุดบริเวณแผ่นหลัง รองลงมาคือ เหนือข้อเท้าด้านซ้าย ซึ่งเป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต

ส่วนอวัยวะภายใน มีหลายส่วนเริ่มเน่าจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ แต่ก็ยืนยันว่า สมองและปอด ไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย กะโหลกศีรษะไม่พบการแตกร้าว คอไม่หักไม่มีรอยฟกช้ำ ขณะที่กระเพาะอาหารไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่เลย มีเพียงของเหลวประมาณ 10 มิลลิลิตรเท่านั้น ที่สำคัญอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการถูกล่วงละเมิด เยื่อพรหมจารียังอยู่ครบสมบูรณ์

โดยนายแพทย์ศักดิ์สิทธิ์ มองว่า หากไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ก็ยังมีความเป็นไปได้กรณีเด็กพลัดหลงป่า จนขาดอาหาร ขาดน้ำ เป็นผลให้เสียชีวิต โดยมองว่าแม้จุดที่พบศพน้องชมพู่จะต้องขึ้นเขาไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร แต่น้องมีระยะเวลา 3 วัน ก่อนจะเสียชีวิต

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้โทรศัพท์ไปสอบถามแม่ของน้องชมพู่ ถึงประเด็นการสันนิษฐานของแพทย์ว่า มีความเป็นไปได้สูง ที่น้องชมพู่อาจจะเสียชีวิตเอง อย่างไรก็ตามแม่ของน้องชมพู่ ได้ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ถ้าผลออกมาเช่นนั้น ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสงสัยว่าผู้ก่อเหตุอาจเป็น "ลุงพล" นั้น แม่น้องชมพู่ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้กับผู้สื่อข่าว

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังติดต่อไปยัง ลุงพล โดยลุงพล บอกว่า ถ้าหากผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาว่าน้องเสียชีวิตเอง โดยส่วนตัวก็ต้องเชื่อตามหลักฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถึงอย่างไร ผลที่ออกมาก็ต้องชัดเจนพอที่จะทำให้พ่อ-แม่ของน้องชมพู่ ยอมรับ เพราะพวกเขาคือผู้ที่สูญเสียลูกสาว

คดี "น้องชมพู่" ส่อพลิก! หมอชี้อาจเสียชีวิตเอง