อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน วันที่ 4 "เพื่อไทย" เปิดฉากตั้ง #ลอถลมตรคล "ลาออกเถอะลุงไม่ต้องรอให้ใครมาไล่" แนะตั้ง กมธ.วิสามัญร่วม โชว์ความจริงใจ

(30 พ.ค. 2563) การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 4 เพื่อพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธาน โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงภาพรวมในการอภิปรายของฝั่งรัฐบาลว่าได้ใช้เวลาไปแล้ว 13 ชั่วโมง 21 นาที ด้านพรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลาไป 14 ชั่วโมง 23 นาที เป็นเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยฝ่ายค้านเหลือเวลาในการอภิปราย 9 ชั่วโมง 36 นาที ส่วนทางฝั่งรัฐบาลเหลือเวลาอยู่ 10 ชั่วโมง 38 นาที ซึ่งนายวิรัช ได้ขอบคุณฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ร่วมกันอภิปรายตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยไม่เกิดการประท้วงกัน ถือว่าเป็นไปด้วยดี ซึ่งถ้าหากดำเนินการไปได้ดีก็จะสามารถโหวตลงมติ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับได้ใน เวลา 14.00 น.

ด้าน นางมนพร เจริญศรี ส.ส.พรรคเพื่อไทย จังหวัดนครพนม ได้เริ่มอภิปราย พ.ร.ก. ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 วงเงิน 5 แสนล้านบาท ว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลมองข้ามปัญหาเอสเอ็มอี และเข้าไม่ถึงการเยียวยา 88% ของผู้ประกอบการรายย่อย อีกทั้งไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคาร 84.8% ทั้งที่เอสเอ็นอี ถือเป็นแหล่งจ้างงานของประเทศ และเป็นรากฐานที่สำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากเอสเอ็มอีเหล่านี้กลับมาฟื้นฟูไม่ได้ ก็จะส่งผลให้คนไทยนับสิบล้านคนและกำลังชื้อของประเทศหดหาย เพราะไม่มีรายได้ เศรษฐกิจก็ฝืดเคือง และจะทำให้เห็นภาพนักธุรกิจเอสเอ็มอีฆ่าตัวตายเป็นรายวัน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่มีใครอยากเห็นหรือให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

นางมนพร ยังกล่าวด้วยว่า การกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน ได้สร้างเงื่อนไขโดยกีดกันผู้ประกอบการรายย่อย แต่เอื้อให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่ หากกลไกในการช่วยเหลืออย่างเต็มรูปธรรมและไม่ฟังเสียงผู้ประกอบการรายย่อย และที่สำคัญคือไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา แต่ยังนำนโยบายเหล่าไปหาเสียง เพื่อสร้างคะแนนความนิยมบนความเดือนร้อนของประชาชน เช่น โครงการชิมช็อปใช้ ที่ยืมมือประชาชนไปกดเงินภาษีของตัวเองมาใช้ และยังได้พูดถึงกรณีของการส่งจดหมายไปหามหาเศรษฐี ที่สุดท้ายแล้วเงินก็กลับไปยังกระเป๋าของมหาเศรษฐกิจเหล่านั้น

ทั้งนี้ นางมนพร ยังได้เรียกร้องให้มีการพักชำระหนี้ 1 ปี และให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการและแบ่งโควต้า ซอฟท์โลน​ ออกเป็น 2 ก้อน ก้อนละ 2.5 ล้านบาทให้แก่เอสเอ็มอีรายย่อย ซึ่งหากรัฐบาลจะแสดงความจริงใจและมีความโปร่งใสในการใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน ก็ควรที่จะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะจะได้ร่วมกันพิจารณาเงินกู้ที่ถือว่าเป็นภาระของประชาชนต่อไปในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่ได้คาดหวังว่าข้อเสนอดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้น ตราบใดที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังมีชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ โดยนางมนพร ได้ขึ้น #ลอถลมตรคล โดยบอกว่าแฮชแท็กดังกล่าวมีความหมายว่า "ลาออกเถอะลุงไม่ต้องรอให้ใครมาไล่" ตามที่กลุ่มนักศึกษาออกมาชูป้าย หากนายกรัฐมนตรี อยากคืนความสุขให้กับประชาชน