พฤติกรรมของแม่ปุ๊กกับความเชื่อมโยงเรื่องเด็กวัย 2 และ 4 ขวบถูกวางยาจนป่วย และ 1 ในนั้นเสียชีวิต ยิ่งขุดลึกยิ่งพบข้อมูลน่าตกใจ ทีมข่าวช่อง 8 มีโอกาสได้พูดคุยกับคนสำคัญที่รู้เห็นพฤติกรรมของแม่ปุ๊กและถูกหลอกจนเกิดความเสียหาย สูญเงินนับแสนบาท คือ แฟนเก่าของแม่ปุ๊ก

คุณบี แฟนเก่าแม่ปุ๊กที่คบหากันตั้งแต่ปี 2555-2559 เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงพฤติกรรมเลวร้ายของแม่ปุ๊ก ที่หลอกให้เขาเชื่อว่า เด็กหญิงวัย 4 ขวบเป็นลูกของเขา จนเพิ่งมาทราบความจริงช่วงเด็กป่วยหนัก ซึ่งเขาเองรักเด็กคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ 

คุณบีบอกว่า ตอนแรกเลิกรากับแม่ปุ๊กไปแล้วด้วยปัญหาเรื่องเงินในปี 2558 แต่แม่ปุ๊กกลับบอกกับเขาว่าตัวเองตั้งท้อง ต่อมาแม่ปุ๊กก็นำทารกที่ยังมีสายสะดือค้างอยู่มาบอกเป็นลูก คุณบีเชื่อสนิทใจและรักเด็กหญิงทันที แต่เมื่อช่วยเลี้ยงเด็กหญิงจนอายุได้ประมาณ 8 เดือน เขาก็สุดจะทนกับพฤติกรรมโกหกของปุ๊กจนเลิกรากับแม่ปุ๊กอีก 

แต่หลังจากนั้น ก็ยังติดต่อกันเรื่องลูก โดยปุ๊กมักส่งข้อความมาขอเงินเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องลูก ไม่ว่าจะเป็นค่าเทอม ค่าของใช้ต่างๆ จนกระทั่งเด็กหญิงป่วยด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือด ก็ส่งรูปขณะลูกโคมามาขอเงิน โดยแม่ปุ๊กมักส่งข้อความต่อว่าเขาไม่มีจิตสำนักในความเป็นพ่อ 

บางครั้งแม่ปุ๊กก็มีพฤติกรรมคล้ายการเรียกร้องความสนใจ มีครั้งหนึ่งที่อยู่ๆแม่ปุ๊กก็ส่งรูปน้องยิ้มที่อยู่ในอาการโคมามาให้ เขาเป็นห่วงเด็กมากจึงไปหาถึงที่บ้าน แต่ปรากฎว่าเด็กหญิงไม่ได้เป็นอะไร คุณบีเจอว่าน้องชายของแม่ปุ๊กยังพาเด็กไปขี่จักรยานยนต์เล่น โดยในตอนนั้นตัวเองยังไม่ทราบว่าน้องยิ้มไม่ใช่ลูกของตัวเอง 

กระทั่งวันหนึ่งเด็กหญิงป่วยหนักเข้าไอซียู เขาไปเยี่ยมและพบซองเอกสารวางอยู่จึงหยิบขึ้นมาดู พบในซองมีใบสูติบัตรตัวจริง ใบเปลี่ยนชื่อน้องยิ้ม และเอกสารเกี่ยวคดีความ จึงได้รู้ความจริงว่าเด็กไม่ใช่ลูก คุณบีตกใจมากและพยายามติดต่อแม่เอม โดยใช้ชื่อตามสูติบัตรไปค้นหาในเฟซบุ๊ก เพื่อหาคำตอบเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของเด็กด้วย แต่แม่เอมปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล เขาเลยตอบกลับไปว่าจะฟ้องเอาเด็กหญิงมาเลี้ยง เพราะรักเด็กหญิงมาก จากนั้นก็ตัดขาดกับแม่ปุ๊ก ขณะที่แม่ปุ๊กได้ขอกับเขาว่าอย่าบอกใครว่าเธอไม่ใช่แม่แท้ๆของเด็ก เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ 

ความแสบของแม่ปุ๊กไม่ได้มีแค่นั้น คุณบีเล่าด้วยความคับแค้นใจ ย้อนถึงตอนที่คบหากัน ซึ่งปุ๊กยังเรียนอยู่ เขากับแม่ปุ๊กมักจะมีปากเสียงกันในเรื่องของการใช้เงิน ซึ่งแม่ปุ๊กมักขอยืมเงินเขา แต่ให้เท่าไรก็ไม่พอ 

ครั้งหนึ่ง คุณบีเคยถูกธนาคารทวงเงิน และถูกฟ้องเรื่องหนี้บัตรเครดิต ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ใช้ เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าปุ๊กแอบนำบัตรเครดิตไปใช้ ในวงเงิน 50,000 บาท นอกจากนี้ปุ๊กยังมีนิสัยขี้ขโมย เวลาตัวเองวางทรัพย์สินมีค่าไว้ก็จะหายไป เช่นแหวนทองหนัก 1 บาท แต่เมื่อสอบถามปุ๊ก ปุ๊กกลับบอกว่าไม่รู้ใครเอาไป 

เขาเคยถามแม่ปุ๊กว่าเอาเงินไปทำอะไรหมด ตอนนั้นแม่ปุ๊กจะอ้างว่าเป็นค่าเรียน ค่าบ้าน ค่าของกิน เพราะพ่อของแม่ปุ๊กที่เป็นเสาหลักของครอบครัวทำให้ไม่สามารถหาเงินได้ทัน แต่เท่าที่รู้ความจริงส่วนใหญ่ ปุ๊กมักจะนำเงินไปเล่นหวยใต้ดิน หรือซื้อล็อตเตอรี่ คุณบียังสงสัยด้วยว่า ปุ๊กเป็นเภสัชกรจริงหรือไม่ เพราะตอนที่คบกันและแม่ปุ๊กยังเรียนอยู่นั้น เขามักเจอปุ๊กอยู่บ้านตลอด ไม่เคยให้ไปรับไปส่งที่มหาวิทยาลัย และแม้แต่วันรับปริญญาที่เขาขอไปร่วมงานด้วยแต่ปุ๊กก็ไม่ยอม บอกว่ากลัวพ่อแม่รู้ว่าแอบคบกัน 

รวมความเสียหายที่แม่ปุ๊กทำไว้กับคุณบี ทั้งขโมยบัตรเครดิต ขโมยทอง และ ขู่เอาเงินโดยอ้างเรื่องลูก เป็นเงินถึง 176,000 บาท 

หลังจากคุณบีเปิดใจกับข่าวเด่นช่อง 8 เป็นที่แรก ทีมข่าวได้ประสานตำรวจกองบังคับการปราบปรามพาคุณบีเข้าให้ข้อมูลพฤติกรรมของแม่ปุ๊ก โดยคุณบีหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการเอาผิดแม่ปุ๊ก  ขณะที่ตำรวจยืนยันว่าคุณบีเป็นอีกหนึ่งพยานสำคัญที่จะสามารถระบุ ให้เห็นถึงพฤติกรรม ของแม่ปุ๊กได้ชัดเจน ทั้งนี้จะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลประกอบสำนวนเพื่อมีการตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน 

ส่วนคืบหน้าทางคดีล่าสุด ตำรวจกองปราบปรามเชิญตัวครอบครัวของนางสาวปุ๊กมาสอบปากคำเพิ่มเติมนานกว่า 7 ชั่วโมง ก่อนปล่อยตัวกลับ โดยยังไม่มีการแจ้งข้อหา พันตำรวจเอกปทักข์ ขวัญนา ผู้กำกับการ กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในประเด็นเรื่องพฤติกรรมของนางสาวปุ๊กขณะเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน และเส้นทางการเงินบางส่วน ซึ่งครอบครัวของนางสาวปุ๊กก็ให้ความร่วมมือและให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องในสำนวนคดี 

ยืนยันว่า ณ ขณะนี้พยานหลักฐานยังเชื่อมโยงไปถึงนางสาวปุ๊กเพียงคนเดียว ยังไม่พบผู้อื่นร่วมกระทำความผิด ส่วนประเด็นเงินที่โอนเข้าบัญชีหมุนเวียนกว่า 15 ล้านตำรวจยังต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ 

ขณะที่ผลการตรวจดีเอ็นเอ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยันความเป็นแม่-ลูกโดยสายเลือดของแม่ปุ๊กกับเด็กชายวัย 2 ขวบ แต่ยังต้องรอผลอย่างเป็นทางการเพื่อนำมาประกอบสำนวน ยืนยันว่าผลดีเอ็นเอไม่มีผลกระทบต่อรูปคดี เพราะคดีนี่ไม่เกี่ยวกับใครเป็นบิดามารดาของใคร แต่เกี่ยวกับใครกระทำต่อเด็ก และใครได้รับผลประโยชน์มากกว่า 

ส่วนกรณี ที่พ่อของแม่ปุ๊ก ซึ่งเป็นตาของเด็กชายวัย2 ขวบ จะขอรับเด็กกลับมาเลี้ยงดูด้วยตัวเอง 

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน บอกว่าตอนนี้ ตายังไม่สามารถขอรับเด็กกลับไปดูแลเองได้ เพราะยังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนการคุ้มครองของศาลอยู่ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งไม่ให้มีบุคคลในครอบครัวหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับคดีนี้เข้าใกล้ชิดกับเด็ก โดยระหว่างนี้ศาลอนุญาตให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลเด็ก ในระยะเวลา 6 เดือน แต่ถึงแม้จะไม่มีคำสั่งศาล เด็กชายวัย2 ขวบก็ยังไม่มีความพร้อม ที่จะกลับไปอยู่ในความดูแลของครอบครัว น.ส.ปุ๊กได้ขณะนี้ ขณะนี้สภาพจิตใจน้องดีขึ้นตามลำดับและมีพี่เลี้ยงคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา

แฟนเก่าแฉซ้ำ! พฤติกรรมเหี้ยมแม่ปุ๊ก ขโมยของ-ขู่เอาเงิน