อินเดียประกาศ ปิดประเทศ ระงับวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด โดยประกาศยกระดับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการสั่งห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ และระงับวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด ภายหลังยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มเป็น 60 ราย

อินเดียประกาศยกระดับมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 สั่งห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ และระงับวีซ่าท่องเที่ยวทั้งหมด ภายหลังยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มเป็น 60 ราย และองค์การอนามัยโลกประกาศให้ยกระดับการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นระดับการแพร่ระบาดไปทั่วโลก (pandemic)

โดยรัฐบาลอินเดียจัดการประชุมเร่งด่วนระหว่างกระทรวงต่างๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ เพื่อหามาตรการในการป้องกันปัญหาร่วมกัน โดยผลจากการประชุมมี 6 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

1. วีซ่าทั้งหมดที่เคยให้ไปกับประชาชนต่างสัญชาติทั้งหลายนั้นให้ระงับไปจนถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย ทั้งนี้ให้มาตรการนี้ยกเว้นกับวีซ่าทางการทูต วีซ่าทางการ วีซ่าสำหรับสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ วีซ่าทำงาน และวีซ่าโครงการ

2. วีซ่าสำหรับชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศอินเดียแล้วนั้นให้ยังคงอยู่ได้ แต่ต้องติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง FRRO/FRO ที่ใกล้ที่สุดผ่านระบบ e-FRRO สำหรับการอยู่ต่อ

3. วีซ่าท่องเที่ยวฟรีที่รัฐบาลให้กับกลุ่มคนที่ถือบัตรอินเดียโพ้นทะเลจะถูกระงับเช่นเดียวกันไปจนถึงถึงวันที่ 15 เมษายน 2563 โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย

4. สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังอินเดียอย่างมากด้วยเหตุผลความจำเป็นใด ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลในการออกวีซ่าให้เป็นกรณีพิเศษตามความจำเป็น

5. สำหรับผู้ที่กำลังเดินทางมายังอินเดีย รวมถึงชาวอินเดีย ที่มีประวัติการเดินทางมาจากจีน อิตาลี อิหร่าน เกาหลี ฝรั่งเศส สเปน และเยอรมัน ภายหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ต้องถูกกักตัวอย่างน้อย 14 วัน โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วง 12 นาฬิกา ของวันที่ 13 มีนาคม 2563 ในทุกช่องทางที่ชาวต่างชาติจะเดินทางมาอินเดีย

6. ทุกช่องทางการการเดินทางระหว่างประเทศในเขตพรมแดนของอินเดียทั้งหมดจะได้รับการตรวจตราอย่างเข้มงวดในการผ่านแดน โดยเฉพาะการตรวจทางการแพทย์ ซึ่งจะมีรายละเอียดแจ้งต่อไปโดยกระทรวงมหาดไทย