"อนุทิน" ข้องใจมติเอกฉันท์ คกก.วัตถุอันตราย มีมติขยายแบน 2 สารพิษ หลัง 2 ตัวแทนสธ. ยืนยัน ลงมติเดิม รอ "สุริยะ" แจง ลั่นไม่เสียหน้า เพราะไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นความเห็นต่างในการทำงาน "มนัญญา" เหน็บขอคุมกรมชลฯ พร้อมคืนกรมวิชาการเกษตร หลังคุมไม่ได้
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง มติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่ขยายเวลา แบน 2 สารเคมีออกไป และอนุญาตให้ใช้ไกลโฟเซต ได้ ว่า ต้องรอให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย เป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากที่ได้รับรายงาน ยังไม่มีการลงมติใดๆ จึงต้องดูว่ามติเดิม ในวันที่ 22 ต.ค. ที่ระบุให้แบนทั้ง 3 สารเคมี ในวันที่ 1 ธ.ค. นั้นจะยังมีผลอยู่หรือไม่ และการประชุมดังกล่าวได้มีการยกเลิกมตินี้ไปหรือยัง เพราะถือเป็นมติที่ขัดแย้งกัน ซึ่งในการประชุมวันนี้ตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข ได้มารายงานว่ากรมวิชาการเกษตร ไม่มีมาตราการป้องกันใดๆ ไปรายงานต่อที่ประชุมในวันนี้ ดังนั้นนายสุริยะ จึงลงนามไม่ได้ ซึ่งเราต้องดูว่ามีแทคติกอะไรหรือไม่
เมื่อถามว่าจะตอบคำถามเรื่องนี้อย่างไร เนื่องจากก่อนหน้านี้นายกฯ มีความเห็นว่าอยากให้แบน 3 สารเคมี นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ตนเอง แต่ตนก็ได้ให้นโยบายแก่ตัวแทนกับกระทรวงสาธารณสุขไป และเขาก็ยืนยันว่าให้คงมติแบน 3 สารเคมี ตามมติในวันที่ 22 ต.ค. และยืนยันว่าไม่ให้มีการประชุมลับ ซึ่งถือเป็นการยืนยันจุดยืนเดิมมาตลอด
เมื่อถามว่า นายสุริยะ อ้างว่าเป็นมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนก็ยังงอยู่ เพราะตัวแทนกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 2 คนก็ยังยืนยันมติเดิม ละขอยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยันจุดยืนแล้วคือการแบน 3 สารเคมี แต่ต้องยอมรับว่าคนอื่นไปโหวตเป็นอย่างอื่นตนก็ไม่สามารถไปทำอะไรได้
เมื่อถามว่าการขยายการแบน 3 สารเคมี มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เป็นการมองคนละมิติ แต่สงสัยว่ากรมวิชาการเกษตร มีเวลาตั้งนานแต่ไม่ยอมหามาตรการรองรับเข้าที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งต้องหามาตรการใหม่ที่จะต้องดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมือง รวมถึงไม่ใช่การหักหน้าพรรคภูมืใจไทย เนื่องจากเป็นการทำงาน ซึ่งมีความเห็นต่างได้ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มติเอกฉันท์ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลก็จะมีการนัดอาหารกันไม่มีอะไร ไม่ต้องเคลียร์ใจ หลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขก็มีหน้าที่เผยแพร่ความรู้ ถึงอันตรายของ 3 สารเคมี รวมถึงเตรียมงบประมาณ เพื่อรองรับคนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าว
ด้าน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขอคืนกรมวิชาการเกษตร และอยากดูกรมชลประทาน และเอากรมวิชาการเกษตรคืนไป เพราะเรากำกับดูแลไม่ได้ และคนที่คิดว่ากำกับและสั่งการได้ก็เอาไปดูแลเลย เพราะผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในกระทรวงเกษตรฯ อยู่แล้ว เพราะตอนนี้กรมชลถูกทอดทิ้งชาวนาไม่มีน้ำใช้
จากนั้นนายอนุทิน ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด้นการเมือง แต่ให้เป็นเรื่องสุขภาพของประชาชน เพราะตน น.ส. มัญญา และพรรคภูมิใจไทย ต่อสู้ในมิติการรักษาสุขภาพและชีวิตของประชาชน ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งสิ้น อย่างเช่นตนวลามีอะไรที่กระทบสุขภาพประชาชนแม้นิดเดียว แม้จะเกี่ยวกับเศรษฐกิจขนาดไหนตนก็แลกด้วยไม่ได้ เพราะชีวิตคนมีค่ามากกว่าและตีค่าเป็นเงินไม่ได้ ดังนั้นเรื่องดังลกล่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องต่างคนต่างทำหน้าที่ กระทรวงสาธารณสุขมองในแง่สุขภาพ กระทรวงอุตสาหกรรมมองในแง่ของธุรกิจ ส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ก็มองในแง่พืชผลการเกษตร ถึงต้องมีคณะกรรมการ ดังนั้นผลออกมาเช่นไรเราก็ต้องยอมรับ เาไม่ตีโพยตีพายเพราะเราได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว
น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ยืนยันว่าการประชุมนวันนี้ไม่ได้มีการโหวต ยังเป็นมติเดิมของวันที่ 22 ต.ค. เพาะการประชุมครั้งนี้ไม่มีการสอบถามไม่มีการลงมติเปลี่ยนแปลงผลการประชุม จึงอยากถามว่าเขามาจากประชาธิปไตยหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ไม่ใช่เผด็จการ ส่วนตนจะเดินหน้าอย่างไรก็ขอให้ไปถามคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด ถ้าจะเดินหน้าต่อไป สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่ที่ประชาชน ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้.