"ครูวา" สาวประเภทสองมหาภัยยังล่องหน สับขาหลอกให้อดีตแฟนหนุ่มขี่จักรยานยนต์ มาคืนเหยื่ออีกคนจนถูกจับกุมแทน สอบสวนพบเป็นเหยื่ออีกคนที่ถูกครูวาฉกทองไป โดยอ้างเสร็จว่า แล้วจะคืนทองให้

ความคืบหน้ากรณี "ครูวา" สาวประเภทสอง ตีเนียนสวมเครื่องแบบข้าราชการครู ตีสนิทกลุ่มบิ๊กไบค์จนได้ฉายา "นางฟ้าบิ๊กไบค์" และหลอกคบหาดูใจกับนายกริช (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี หนุ่มนักบิดชาวจังหวัดสมุทรปราการ จนอยู่กินกันซึ่งตลอดเวลาฝ่ายชายไม่รู้เลยว่า ครูวา เป็นสาวประเภทสอง กระทั่งออกลายเชิดเงินและทรัพย์สินมูลค่านับแสนบาทไป จึงสืบเสาะจนรู้ความจริง

ล่าสุด นายเบียร์ ไบค์เกอร์หนุ่มในจังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ออกมาร้องขอความเป็นธรรม เพราะเป็น 1 ในผู้เสียหายที่ถูกครูวา หลอกเอารถจักรยานยนต์ มูลค่ากว่า 4 แสนบาท โดยครูวามาขอซื้อต่อไป ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และไม่ยอมไปผ่อนตามที่ตกลง ตนจึงได้เข้าแจ้งความ

และหลังแจ้งความ ครูวาได้ติดต่อกลับมา เพื่อนัดหมายนำรถมาคืน และเมื่อถึงเวลานัด ครูวากลับเบี้ยวไม่มา และหลอกให้อดีตแฟนอีกคน คือ นายแป้ง เป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์มาคืนแทน หลังจากได้รถคืน นายเบียร์ เข้าให้ข้อมูลกับฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมกับนายแป้ง ที่ระบุว่า ตัวเองก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน

แม่ของนายแป้ง เล่าว่า ครูวาได้ขี่รถบิ๊กไบค์คันดังกล่าวมาที่บ้านเอง ในช่วงที่คบหากับลูกชาย แล้วก็จอดรถไว้ก่อนที่จะหายไป ซึ่งลูกชายไม่มีส่วนรู้เห็น พร้อมกันนี้ ยังเล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้ครูวาได้มาพักอาศัยอยู่ 2 - 3 เดือน

ทางครอบครัวก็รักใคร่เอ็นดู เพราะช่วยทำงานบ้าน แต่ต่อมา ก็พบว่า สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาทหายไป ก่อนที่ครูวาจะหายไปไม่นาน นอกจากนี้ นายกริช ยังได้เดินทางเข้ามาแจ้งความครูวา ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการในความผิดฐานลักทรัพย์ด้วย

ขณะที่นายศุภสินธุ ลูกชายนางพรรณี เจ้าของเนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 6 ปีที่ผ่านมา ครูวาเคยทำงานเป็นครูที่เนอสเซอรี่ประมาณปีเศษ ดูแลเรื่องรับเงินค่าเทอมจากผู้ปกครอง ช่วงแรกครูวา ส่งเงินให้ครบ แต่ระยะหลังไม่ส่งเงินให้ กระทั่งจับได้ว่า แอบปลอมลายเซ็นลงในบิลรับเงินค่า และปลอมลายเซ็นทำธุรกรรม สูญไม่ต่ำกว่าหมื่นบาท ก่อนจะชิงลาออกหลบหนีไป

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ไปสอบถาม พ่อของครูวา เปิดใจว่า ลูกชายไม่กลับบ้านมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่เมื่อ 2 ปี ทราบว่าไปสอนเด็กที่ดอนเมือง แต่ไม่รู้ว่าสอนอะไร ก่อนเพิ่งมาทราบข่าวว่า ลูกไปหลอกเขา อยากให้ลูกเข้าพบตำรวจ เพื่อต่อสู้คดี ถูกผิดก็ว่าไปตามกฎหมาย

สำหรับลูกชาย มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศมาตั้งแต่เด็ก เคยต่อว่าหลายครั้ง จนไล่ออกจากบ้านไป กระทั่งลูกหนีไปอยู่กับยาย และกลับมาตอนอายุ 13 ปี บอกว่า ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว

ก่อนจะไปแต่งงานกับชายคนหนึ่ง แล้วเลิกรากันไป จากนั้นก็กลับมาอยู่บ้านแต่ไม่เคยช่วยงานบ้านเลย และหนีออกจากบ้านไปอีก จนกระทั่งได้ข่าวว่า ไปหลอกลวงคนอื่น ทั้งนี้ หากผู้เสียหายจะเอาผิดกับลูก ก็ไม่ว่าอะไร เพราะต้องรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ส่วนตนไม่มีเงินพอที่จะไปเยียวยาใครได้ เพราะเป็นแค่ชาวสวนเท่านั้น

"ครูวา" สุดแสบสับขาหลอก! ส่ง "แฟนเก่า" เหยื่ออีกคนขี่รถคืน