นักวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชี้กัญชาในไทย เหมาะเปิดเสรีทำยาภายนอก ก่อนเป็นยากิน

รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ห้องปฏิบัติการวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตครอบครองและผลิตสารสกัดกัญชา จาก อย. เพื่อการวิจัยกัญชาทางการแพทย์ กำลังพัฒนาเทคนิคการสกัดที่แยกสารต่างๆในกัญชาให้บริสุทธิ์ เพื่อทดสอบสมบัติการต้านเชลล์มะเร็งและสมบัติทางยาด้านอื่น

จากข้อมูลการศึกษาพบว่า สารประกอบในกัญชานั้นมีการระบุมาก่อนแล้วมากกว่า 483 ตัว และแบ่งได้หลายกลุ่มคือ สารที่เป็นเอกลักษณ์ของกัญชาคือกลุ่มแคนนาบินิอยด์กว่า 60 ตัว นอกนั้นเป็นสารประกอบที่สามารถพบได้ในพืชอื่นๆ เช่น กลุ่มเทอร์ปีน กลุ่มอัลคาลอยด์ กลุ่มเอไมด์ กลุ่มลิกแนนาไมด์ กลุ่มฟลาโวนอยด์ กลุ่มกรดไขมัน เป็นต้น

ซึ่งสารสำคัญต่างๆนี้ มีบางตัวที่ออฤทธิ์ในการกดประสาท และทำให้เสพติดได้ หากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม แต่จากคุณสมบัติของสารสำคัญแต่ละตัวที่โดดเด่น พบว่า สารหลายตัวมากที่มีฤทธิ์ที่สามารถเป็นยาภายนอกได้ เช่น สารแคนนาบิเจอรอล สารแคนนาบิโครมีน สารแคนนาบิไดออล หรือแม้แต่สารทีเฮทซี ที่มีฤทธิ์แก้ปวด ต้านเชื้อรา ต้านการอักเสบ

รศ. ดร. วีรชัย พุทธวงศ์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สารกลุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของกัญชานั้น นอกจากมีฤทธิ์ทางบวกในการรักษา แต่มีผลด้านการกดประสาทด้วยเช่นกัน ขึ้นกับการใช้ปริมาณที่เหมาะสม และมาตรฐานในการผสมตัวยาที่บริสุทธิ์แค่ไหน มีมาตรฐานเพียงไร

ในเรื่องการเปิดเสรีในการทำยานั้น รศ. ดร. วีรชัย ให้ความเห็นว่า ควรส่งเสริมทำยาภายนอกแบบเปิดเสรีก่อน เพราะสารกลุ่มดังกล่าว สามารถผสมทำครีม ยาทา หรือยาแก้ปวด บรรเทาปวด ที่สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้ +++ ในส่วนของยากินนั้น ต้องสกัดสารบริสุทธิ์เพื่อผสมสัดส่วนที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ให้นิ่งก่อน หรือมีผลงานวิจัยที่สนับสนุนมากกว่านี้ นอกจากนี้ สารกลุ่มเทอร์ปีน ที่มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของกัญชา สามารถนำมาพัฒนาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารได้

อย่างไรก็ตม รศ. ดร. วีรชัย ยังให้ความเห็นสำหรับสมุนไพรทางเลือกอื่นที่มีประวัติมสมบัติทางยารักษามะเร็ง และยังใช้ได้ผลในปัจจุบันอยู่ เช่น สารสกัดน้ำจากเห็ดหลินเจือ ตังเซียม เจียวกู่หลาน ตังกุย ชะเอมเทศ หรือแม้แต่ฟ้าทะลายโจร งาดำ บัวบก เป็นต้น ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ทางยาที่ได้ผลมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และไม่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการกดประสาท