เปิดวงจรปิดล่าตัว 2 ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดศูนย์ราชการ ขณะที่ตำรวจเผย 2 คนร้ายที่ก่อเหตุวางหน้า สตช. สารภาพแล้ว ตั้งใจป่วนกรุง เพราะแค้นทหาร ที่คุมแนวร่วมไปสอบแล้วเสียชีวิต

กล้องวงจรปิด บริเวณศูนย์ราชการจับภาพชายต้องสงสัย สวมหมวกสีดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร อายุประมาณ 50 ปี สวมเสื้อสีขาว สะพายกระเป๋าคาดสีดำ ถือถุงสีเขียว

อีกจุดหนึ่งกล้องวงจรปิดใกล้เคียงกองบัญชาการกองทัพไทย จับภาพชายต้องสงสัยอายุประมาน 50 ปี สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า สะพายเป้หลังสีดำ ทั้งคู่สวมหมวกแก๊ป และผ้าคาดปากปิดบังใบหน้า

ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นล่าสุด ที่ชุดสืบสวนใช้แกะรอยติดตามตัว กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดป่วนกรุง 10 จุด ตามสถานที่ต่าง ๆ 6 แห่ง คือ

1. สยามวัน ชั้น 1 ร้านมินิโซว 2. หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3. ศูนย์ราชการ อาคาร บี 4. ทางออกศูยร์ราชการ อาคารบี 5. หน้ากองบัญชาการกองทัพไทย 6 ใกล้กองบัญชาการกองทัพไทย 7.ตลาดประตูน้ำ ระเบิดเพลิง 8. ลานจอดรถคิงเพาเวอร์ 9 บริเวณหน้าตึก คิงเพาเวอร์ 10. สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน)

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เล่าว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน นั่งรถแท็กซี่มาลงที่ศูนย์ราชการ ตำรวจจึงสืบจนพบตัวคนขับแท็กซี่ ระบุว่า รับผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน มาจากห้างย่านรังสิต ทั้ง 2 คน ใส่ผ้าปิดบังใบหน้า บอกแค่ว่า ไปศูนย์ราชการ อาคาร B

โดยสำเนียงที่พูด ไม่ใช่ภาษากลาง และภาษาอีสาน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นสำเนียงภาคใด เนื่องจากว่า มีการพูดคุยกันน้อย จนถึงศูนย์ราชการ ในเวลา 15.00 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม ก่อนจะแยกกันไป

สอดคล้องกับการตรวจสอบวงจรปิด 10 จุดที่เกิดเหตุระเบิด ชุดสืบสวนยังพบว่า กลุ่มคนร้ายมีลักษณะการแต่งตัว และช่วงเวลาที่กลุ่มคนร้าย ใช้ในการวางระเบิด มีเวลาที่ไล่เลี่ยกัน เหมือนมีการแบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน

ขณะที่การสอบปากคำ ผู้ต้องสงสัย 2 คน คือ ชายอายุ 23 ปี และ 29 ปี ชาว จังหวัดนราธิวาส ที่วางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับสารภาพแล้วว่า ร่วมกับเพื่อนจากภาคใต้ อีก 8 คน ขึ้นมาวางระเบิดตามจุดศูนย์กลางเมือง หรือสถานที่สำคัญ

โดยแบ่งทีมทำงานจุดละ 2 คน และระเบิดแต่ละลูก จะมีการเขียนตัวเลขกำกับไว้เป็นสัญลักษณ์ เพราะต้องการแสดงศักยภาพให้เจ้าหน้าที่เห็น และแก้แค้น หลังไม่พอใจ ที่ก่อนหน้านี้กองทัพภาค 4 ได้คุมตัวแนวร่วมไปสอบสวน แล้วเสียชีวิตในค่ายทหาร

ผู้ต้องสงสัย 2 คน ยังยืนยันด้วยว่า ระเบิดที่วางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ใช้ระเบิดจริง แต่แม่ค้าที่อยู่แถวนั้นเห็น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไประงับเหตุได้ทัน

สอดคล้องกับข้อมูลสืบสวน ที่พบว่า คนร้ายทั้ง 10 คน เป็นผู้ก่อเหตุหน้าใหม่ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เพราะมีแผนประทุษกรรม ลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้ว ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

หลังจากนี้ ชุดสืบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรวบรวมข้อมูล เสนอต่อที่ประชุม ที่มีพลตำรวจโทสุวัจน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนคดีนี้ เพื่อเตรียมพิจารณาขอศาลออกหมายจับต่อไป

และในวันพรุ่งนี้ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา เตรียมจะแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดี

ด้านพลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึง กรณีที่คนร้ายอ้างว่า แก้แค้น เนื่องจากไม่พอใจทหาร ที่เคยควบคุมแนวร่วมไปสอบสวน และเสียชีวิตภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานีว่า ยังไม่ได้รับรายงานถึงคำให้การ แต่ยืนยันว่า ทหารมีหน้าที่เพียงคุมตัวผู้ต้องสงสัย เพื่อไปสอบสวนเท่านั้น

และหลังเกิดเหตุ ก็ได้สอบสวน ผู้ใต้บังคับบัญชา ยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด และย้ำว่า กองทัพจะไม่ทำผิดหลักสิทธิมนุษยชน และหากพบผิดจริง ตนไม่เอาไว้อย่างแน่นอน

ทีมข่าวยังลงพื้นที่ไปพูดคุยกับอาของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ที่บ้านพักในจังหวัดนราธิวาส เปิดใจกับทีมข่าว หลังหลานชายถูกจับว่า ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเป็นความจริง แต่เมื่อตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้ว ก็ต้องทำตามกติกา ผิดหรือถูก ก็ว่ากันตามพยานหลักฐาน

แต่ส่วนตัวขอให้ทำตามกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ใช้กำลังทำร้าย หรือบังคับให้ยอมรับ หรือรับผิด ส่วนที่ผ่านมามีพฤติกรรมอย่างไร ทางบ้านไม่ทราบ เพราะหลังเรียนจบ ก็อาสาไปสอนศาสนาให้กับเด็กๆในมัสยิด และก่อนหน้าถูกจับ บอกกับตนเพียงว่า อยากไปเที่ยวพักผ่อนที่กรุงเทพฯ กับเพื่อนเท่านั้น

เปิดวงจรปิดล่าตัว 2 ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดศูนย์ราชการ