ชาวบ้านในพื้นที่ไม่เชื่อสามีจะเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าภรรยาวัย 18 ปี และเผาอำพรางศพจนเหลือแต่โครงกระดูก ขณะที่ตำรวจพบหลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดจับภาพผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปใกล้จุดเกิดเหตุ และมีสามีขี่รถจักรยายนต์ตามไปติด ๆ

ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมอำพรางหญิงสาววัย 18 ปี ที่เพิ่งแต่งงานได้ 5-6 เดือน แต่หายออกจากบ้านสามี ก่อนจะพบเป็นศพถูกเผาพร้อมรถจักรยานยนต์จนเหลือแต่โครงกระดูก ในคูข้างถนน หมู่12 ตำบลช้างขวา อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ล่าสุดคุณกานต์สินี สิทธิโชติพงศ์ ทีมข่าวของเราลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบเป็นถนนทางรอง มีบ้านคนอาศัยอยู่เป็นระยะ จากการสังเกตในเวลาช่วงเที่ยง ถึง บ่าย2 โมง ไม่ค่อยมีรถสัญจรผ่าน

ตรวจสอบเพิงตั้งร้านค้าที่นายศรายุทธและผู้ตายมารับซื้อน้ำยางพารา พบฝั่งตรงข้ามเป็นร้านขายของ พบนางเย็นจิตร ไทยพัฒน์ วัย 52 ปี เจ้าของร้าน ที่ยืนยันกับทีมข่าวว่า 6-7 โมงเช้า ผู้ตายและนายศรายุทธจะมานั่งรับซื้อน้ำยางพร้อมกันทุกวัน ทั้งคู่มักจะมาสั่งข้าวผัดพริกแกงกินด้วยกันที่ร้านตน โดยเฉพาะฝ่ายหญิงมักจะขอมาขอเข้าห้องน้ำ แต่ในวันสุดท้ายที่เจอฝ่ายหญิง คือเช้าวันที่ 13 พ.ค. เมื่อขอเข้าห้องน้ำ ตนก็ไม่เห็นอีกเลย เพราะวันนั้นลูกค้าเยอะ

ส่วนตัวไม่เชื่อว่านายศรายุทธจะเป็นผู้ก่อเหตุตามที่มีข่าว เพราะทั้ง 2 คนรักกันมาก ฝ่ายชายเป็นคนสุภาพ ฝ่ายหญิงก็เรียบร้อย ตนรักเด็กทั้งคู่เหมือนลูกหลาน เห็นกันมานาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากถามว่าทำไมต้องฆ่ากันรุนแรงขนาดนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นการชิงทรัพย์ เพราะเคยทักฝ่ายหญิงเรื่องสร้อยคอทองคำ เกรงจะถูกชิงทรัพย์

 

ขณะเดียวกันทางพันตำรวจเอกสมบัติ ฉ่ำแสง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นำกำลัง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เป็นวันที่สอง

โดยวันนี้ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ โดยผู้กำกับบอกกับทีมข่าวว่าพบกล้องวงจรปิดในละแวกดังกล่าวโดยรอบถึง 4 ตัว แต่ตัวที่น่าสนใจ เป็นกล้องจากบ้านที่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 60 เมตรที่ปรากฏภาพหญิงสาวอายุ 18 ปีขี่รถจักรยานยนต์ผ่านจุดดังกล่าว และนายศรายุทธ คงคล้าย สามีขี่รถตามไป โดยทิ้งช่วงกว่า 40 นาที ก่อนที่ 3 นาที นายศรายุทธจะขี่รถจักรยานยนต์กลับผ่านกล้องอีกครั้ง

ขณะที่นายศรายุทธเองยังคงปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการตายของภรรยา และตำรวจเองก็ยังไม่พบหลักฐานที่ระบุได้ว่านายศรายุทธเป็นผู้ก่อเหตุ  เนื่องจากคำให้การสอดคล้องกับพยานหลักฐานที่มี

ซึ่งจากการลงพื้นที่วันนี้ ได้เข้าตรวจค้นบ้าน 4 หลังที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุระยะตั้งแต่ 60-120 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บข้าวของเพื่อไปตรวจดีเอ็นเอว่าตรงกับที่อยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ พร้อมทั้งคุมตัวผู้ต้องหา 1 คนดำเนินคดีหลังพบน้ำกระท่อมอยู่ในครอบครอง

นอกจากนี้ ได้พยานแวดล้อมให้ข้อมูลว่าเวลาเที่ยงคืน ของคืนวันที่ 13 พฤษภาคม ต่อเนื่อง 14 พฤษภาคม พบการเผาไหม้บริเวณจุดเกิดเหตุ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นการเผาศพ

ยืนยันขณะนี้มีผู้ต้องสงสัย 2 รายที่เข้าข่ายแต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะต้องรอพยานหลักฐานให้ชัดเจน ขณะที่ประเด็นปมสังหารยังคงตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ เรื่ิองชู้สาว และชิงทรัพย์ 

ทั้งนี้ ยังไม่ตัดประเด็นอดีตนักโทษเกี่ยวกับยาเสพติดที่เพิ่งพ้นโทษ รวมทั้งคนร้ายที่อาจเมายา คลุ้มคลั่งได้ เนื่องจากทรัพย์สินคนร้ายหาย

นอกจากนี้ พันตำรวจเอกสมบัติ ระบุว่า พบพยานหลักฐานและพยานวัตถุที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ จึงจะเร่งจับตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้โดยเร็ว