ยังต้องจับตาดูว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ จะนำประเด็นคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด กรณีให้กระทรวงคมน่าคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย จ่ายเงินค่าเสียหายให้บริษัทโฮปเวลล์ กว่า 11,888 ล้านบาท เข้าหารือหรือไม่
ยังต้องจับตาดูว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ จะนำประเด็นคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด กรณีให้กระทรวงคมน่าคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย จ่ายเงินค่าเสียหายให้บริษัทโฮปเวลล์ กว่า 11,888 ล้านบาท เข้าหารือหรือไม่ ซึ่งหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินลงมา ทางกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรายงานคำพิพากษาดังกล่าวรายงานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อหารือแนวทางการดำเนินงานตามผลแห่งคำพิพากษา ก่อนรายงานนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบและพิจารณาแนวทางต่อไป โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่ต้องจ่ายคือเอกชน จะเป็นในลักษณะใด จะมีการเจรจาหรือไม่ ซึ่งการรถไฟจะประชุมในเย็นวันนี้ และรายงานต่อให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงได้รับทราบ
ค่าโง่โฮปเวลล์ ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่บางส่วนเรียกร้องหาความรับผิดชอบเพราะเรื่องนี้กระทบต่อภาษีของประชาชน มีความเห็นจากนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธา และจราจร เขียนข้อความผ่านเฟสบุ๊ก "เมื่อโฮปเวลล์พ่นพิษ”
โดยได้สะท้อนความเป็นมาของโครงการ ที่โฮปเวลล์ไม่สามารถสร้างได้ทัน และข้ออ้างเรื่องการเวนคืนที่ดินล่าช้า จนถูกบอกเลิกสัญญา แต่มีการฟ้องร้อง โดยมีอนุญาโตตุลาการเข้ามาดูข้อพิพาท ซึ่งการพิพากษาโดยศาลปกครองไม่ว่าจะเป็นศาลปกครองชั้นต้นหรือศาลปกครองสูงสุด เป็นการพิจารณาดูว่ากระบวนการทำงานของอนุญาโตตุลาการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เท่านั้น แต่ไม่ได้ดูเนื้อหารายละเอียดว่าฝ่ายใดปฏิบัติตามสัญญาหรือประพฤติผิดสัญญา เนื่องจากกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ศาลปกครองตรวจสอบลึกถึงคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ
จึงเสนอแนะให้ระบุในสัญญาโครงการในอนาคตไว้ว่ากรณีมีข้อพิพาทเกิดขึ้นให้นำข้อพิพาทไปฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อจะทำให้การไต่สวนได้ข้อเท็จจริงที่แท้จริงว่าฝ่ายใดปฏิบัติตามสัญญาหรือประพฤติผิดสัญญา การทำเช่นนี้มีข้อดี คือ การพิพากษาคดีทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ต้องผ่านการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ ประหยัดดอกเบี้ยเนื่องจากคดีสิ้นสุดได้เร็วกว่า ทำให้ระยะเวลาที่ต้องชำระค่าดอกเบี้ยลดลง เป็นประโยชน์ต่อผู้แพ้คดี และ เป็นการพิจารณาพิพากษาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีการถ่วงดุลการใช้อำนาจทั้งภายในองค์คณะตุลาการ และระหว่างองค์คณะกับตุลาการผู้แถลงคดี ทำให้ได้คำพิพากษาที่มีความยุติธรรมอย่างแท้จริง ซึ่งหากสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนยังคงเป็นสัญญาใช้ “อนุญาโตตุลาการ” เข้ามาดูข้อพิพาท ในอนาคตเราจะต้องเสีย “ค่าโง่” จากอีกหลายโครงการ
สำหรับโครงการนี้ผลักดันขึ้นมาในช่วงรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน ที่มี นายมนตรี พงษ์พานิช เป็น รมว.คมนาคม และถูกวิจารณ์ว่ามีความไม่โปร่งใส หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์ยึดอำนาจรัฐบาลพลเอกชาติชาย และผ่านมาอีกหลายรัฐบาลโครงการนี้ก็ไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากปัญหางบทั้งการเวนคืนที่ดิน งบประมาณของบริษัทโฮปเวลล์ จนสุดท้ายนำมาซึ่งการยกเลิกโครงการในสมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม