ไปดูท่าทีของแต่ละพรรคล่าสุดว่า จะมีแนวโน้มจับขั้วพรรคการเมืองอย่างไร โดย 3 พรรคใหญ่ประกาศท่าทีชัดเจน แต่พรรคกลางยังสงวนท่าที รอคุยหลังเลือกตั้ง ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมั่นใจได้ 150 ที่นั่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกระแสตอบรับพรรคพปชร.ในช่วงก่อนเลือกตั้งว่า พรรคประเมินคะแนนที่ได้รับเบื้องต้น คาดว่า จะได้ส.ส.เข้าสภา 140 -150 ที่นั่ง พรรคมั่นใจว่า จะรวบรวบเสียงให้ได้มากกว่า 250 เสียงแน่นอน

ส่วนการพิจารณาเลือกพรรคเข้าร่วมตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งนั้น ขณะนี้พรรคยังไม่มองพรรคการเมืองใดเป็นพิเศษ เพราะต้องรอดูผลการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคมก่อน และเมื่อรับทราบถึงผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พรรคจึงจะหารือถึงการรวบเสียงจัดตั้งรัฐบาลต่อไป

ซึ่งพรรคที่จะร่วมรัฐบาล ต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน คือ ทำงานเพื่อสร้างประโยชน์เพื่อประชาชนได้อย่างแท้จริง ภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปประเทศ และทำให้ชาตพัฒนาก้าวหน้า ส่วนพรรคไหนที่ทำผิดกฎหมาย ผิดกติกา พรรคจะไม่ร่วมทำงานด้วย

"สนธิรัตน์" ปัดจับมือ 6 พรรคตั้งรัฐบาล ยันไม่ได้ล็อบบี้ส.ส.

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธกระแสข่าวการจับมือกับ 6 พรรคเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เรื่องของตัวเลขและการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นภายหลังการปิดหีบเลือกตั้ง ทั้งนี้การเมืองไม่ได้จบภายในวันเดียว แม้ผลการเลือกตั้งที่ออกมาแล้วจะเป็นที่พอใจ ก็ต้องมีการพูดคุย เราต้องเดินไปตามขั้นตอน

ส่วนที่ระบุว่า พรรคไปพูดคุยกับคนนั้นคนนี้ เป็นการคาดเดากันไปเอง ขอให้พรรคได้ผลเลือกตั้งมากที่สุดก่อนแล้วค่อยไปคุย ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง ขอให้ไปรอดูผลการลงคะแนนก่อน

"สุดารัตน์" ติง "พลังประชารัฐ"  ทำลายวัฒนธรรมทางการเมือง

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ นายอุตตม ระบุว่า พรรคที่รวมเสียงได้มากที่สุด มีสิทธิ์ที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ คงเป็นเพราะพรรคพลังประชารัฐเห็นว่า พรรคตนเองจะไม่ได้เสียงลำดับที่ 1 แน่นอน จึงพยายามวางกฎเกณฑ์กติกาหรือมารยาทที่แตกต่างจากอดีต

ซึ่งในอดีตเป็นวัฒนธรรมที่ดีทางการเมือง ปกติแล้วจะให้พรรคที่ได้เสียงมากลำดับที่ 1 เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคลำดับที่ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงจะเปิดโอกาสให้แข่งขันกันต่อ

เชื่อว่า หลังเลือกตั้งจะมีงูเห่าหรือล็อบบี้ ส.ส.เกิดขึ้น ในลักษณะเชิญกึ่งอุ้มไปหาผู้มีอำนาจ เพื่อบังคับให้ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ และจะมีเหตุการณ์ที่พยายามซื้อตัว ส.ส.รายบุคคล เพื่อสนับสนุนพลเอกประยุทธ์กลับมาสู่อำนาจให้ได้ โดยไม่สนวิธีการที่ผิดกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามจริยธรรม และเป็นวิธีการผิดธรรมเนียมปฏิบัติ

"อภิสิทธิ์" แจงปชป.ยังไม่คุยพรรคใดจับขั้วตั้งรัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ยังไม่รู้ว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร หากไม่ได้เสียงข้างมาก เพราะโดยธรรมชาติ พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดจะอยู่ในฐานะที่ดีกว่าคนอื่น และจะเป็นพรครวบรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามธรรมชาติ

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีการไปคุยกับพรรคการเมืองใด เพื่อจัดตั้งรัฐบาล แต่ทราบว่า พลังประชารัฐมีการไปอ้างว่าคุยกับบุคคลหนึ่งแล้ว เพื่อจะไปคุยกับอีกพรรคการเมืองหนึ่ง

"อนุทิน"ยันนายกฯต้องได้เสียงส.ส.ข้างมากหนุน ย้ำไม่เคยคุยจับมือตั้งรัฐบาล

นางสาว กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ที่ลงพื้นที่หาเสียงจ.สุพรรณบุรีในช่วงโค้งสุดท้าย กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาเคยมีรัฐบาลพรรคเดียวแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นรัฐบาลผสมทั้งหมด

ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ออกแบบให้มีรัฐบาลผสมที่มีมากกว่า 1 พรรค เชื่อว่าพรรคที่ได้อันดับ 1 พยายามหาพันธมิตรเพื่อจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่ก็มีพรรคอื่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เหมือนกัน จึงอยากให้กำลังใจกับทุกพรรค

ส่วนเราเป็นพรรคขนาดกลางถึงขนาดเล็กชูนโยบายในการก้าวข้ามความขัดแย้ง  จะคอยดูพรรคใหญ่ๆรวบรวมเสียง บุคลิกของเราเป็นพรรคที่เจียมตัว ไม่กล้าตั้งเงื่อนไขในการขอเข้าร่วมรัฐบาลกับใคร แต่พรรคที่ร่วมด้วย ต้องเป็นพรรคที่ให้เราได้ทำตามนโยบายที่ชาติไทยพัฒนาได้เสนอไว้กับประชาชน ขณะนี้ยังไม่มีพรรคไหนมาทาบทาม หรือติดต่อมาแต่อย่างใด

"สุวัจน์" ยันชาติพัฒนาไม่แบ่งขั้ว เป็นมิตรคุยได้ทุกฝ่าย

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ยิ่งใกล้เลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้ ย่อมเห็นปรากฎการณ์การจับขั้วทางการเมืองชัดเจนเหมือนมี 3 ขั้ว จากพรรคการเมืองใหญ่ ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน  คาดว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการเลือกตั้งมา

พรรคชาติพัฒนาไม่แบ่งขั้ว ไม่สร้างปัญหาและไม่สร้างเงื่อนไข เพราะพรรคชาติพัฒนาเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ยึดหลักการว่า ก่อนเลือกตั้ง คือ "การเมือง" สู้กันเต็มที่แต่หลังเลือกตั้ง ต้องเห็นแก่ "บ้านเมือง" ต้องร่วมมือกัน เปิดโอกาสพูดคุยได้ทุกฝ่าย อย่าปิดประตูตายทางการเมือง เพราะหากปิดประตูตายทางการเมืองบ้านเมืองจะเดินต่อไปไม่ได้

หากจัดตั้งรัฐบาลควรเป็นรัฐบาลที่ได้เกิน300 เสียง เพื่อความมีเสถียรภาพทางการเมืองในการบริหารประเทศ

"ธนาธร" ชี้ชาติสงบสุขได้ต้องมี 3 จบ "จบลุงตู่-จบพปชร.-จบส.ว."

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงความกังวลว่า ถ้าส.ว.เข้ามามีบทบาทในการเลือกนายกฯเมื่อไร จะนำไปสู่ความไม่สงบสุข และจะเป็นต้นตอของความขัดแย้งแน่นอน

พรรคอนาคตใหม่เชื่อว่า จะสงบสุขได้ต้อง 3 จบ คือ จบลุงตู่ จบพลังประชารัฐ และจบส.ว. สงบแน่นอน เพราะพรรคที่ไม่อาจรวบรวมเสียงข้างมากได้ และพรรคที่เปิดสวิตซ์ส.ว.ทำให้ส.ว.ทำงานได้ นั่นหมายถึงพรรคนั้นจะนำสังคมไปสู่ความวุ่นวาย

ส่วนความเห็นจากนักรัฐศาสตร์หลายคน มองว่า สูตรการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ เป็นไปได้หลายสูตร แต่มองว่า แนวร่วมฝั่งต้าน คสช. ต่อให้พรรคเพื่อไทย ชนะมาเป็นอันดับหนึ่ง ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะรวมกันไม่ถึง 376 เสียง อาจต้องพึ่งพรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็กที่ได้ส.ส. หรือ ต้องแบ่งเสียงมาจากส.ว.ด้วย

ส่วนเงื่อนไขของพลเอก ประยุทธ์ หากต้องการกลับมาเป็นนายกฯ คือ พรรคพลังประชารัฐต้องชนะการเลือกตั้ง หรือ เป็นพรรคอันดับสอง เพราะหากเป็นอันดับสาม โอกาสที่ พลเอกประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกฯ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ อาจไม่ยอม และจะหนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ หลายคนจึงเริ่มวิเคราะห์ว่า หากเกิดปัญหา"เดทล็อก"โหวตเลือกนายกฯไม่ได้ จนอาจต้องเลือกนายกฯคนนอก

"พลังประชารัฐ" ปัดจับมือ 6 พรรคตั้งรัฐบาลล่วงหน้า ยันไม่ได้ล็อบบี้-ซื้อ ส.ส.