ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพากษาประหารชีวิต "ท้าวพูล้า" ผู้ต้องหาชาวลาว ฆ่าปาดคอหญิง วัย 67 ปี และเด็กหญิงเพื่อนหลาน วัย 12 ขวบ เสียชีวิต 2 ศพ รวมทั้งปาดคอหลานสาววัย 9 ขวบ บาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงทรัพย์หลบหนี เมื่อช่วงเดือน ก.ย.61

ศาลจังหวัดสมุทรปราการ นัดอ่านคำพิพากษา ในคดีที่นายพูล้า อายุ 22 ปี สัญชาติลาว บุกชิงทรัพย์ใช้มีดปาดคอ นางมะลิ อิ่มสวัสดิ์ อายุ 67 ปี เด็กหญิง อิสห์ยา อายุ 12 ปี เสียชีวิต และปาดคอเด็กหญิงอาภารัตน์ อายุ 9 ปี บาดเจ็บสาหัส ก่อนขโมยสร้อยคอทองคำหนัก 50 สตางค์ หลบหนี จากบ้านพักในจังหวัดสมุทรปราการ ก่อนถูกจับกุมได้ บริเวณริมแม่น้ำโขง จังหวัดมุกดาหาร ช่วงดึกของวันเดียวกัน

คดีดังกล่าว เกิดขึ้นที่บ้านพัก ต.บังยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ท้องที่ สภ.พระประแดง เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2561 โดยที่เกิดเหตุยังพบซากแมวถูกปาดคอตายอีก 1 ตัว วันเกิดเหตุ นายพูล้า หยิบมีดจากในครัวงัดช่องลมห้องน้ำ ปีนเข้าไปในบ้านนางมะลิ

แต่พบนางมะลิ จึงบีบคอ ทำร้ายร่างกาย ใช้มีดปาดลำคอแล้วหยิบเทรัพย์สินไป ต่อมาเด็ก อิสห์ยา หลานสาว และเด็กหญิงอาภารัตน์ เพื่อนของหลาน ตื่นขึ้นมาเห็นแล้ว ร้องโวยวาย นายพูล้า จึงใช้มีดปาดลำคอเด็กหญิงทั้ง 2 คน แล้วหลบหนีไปที่ จ.มุกดาหาร เพื่อจะหลบหนีกลับไปฝั่งสปป.ลาว

แต่ถูกตำรวจจับกุมได้เสียก่อน ขณะกำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่ บริเวณ บ้านนาโปน้อย ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาล เมืองมุกดาหาร ระหว่างรอเรือข้ามหนีไปฝั่ง สปป.ลาว

โดยให้การว่า ทำงานเป็นช่างเชื่อมมาซื้อของร้านผู้ตายบ่อยครั้ง ก่อนก่อเหตุได้เสพยาบ้าไป 1 เม็ด คิดว่า ผู้ตายน่าจะมีเงิน และเห็นมีทองคำใส่ จึงแอบปีนเข้าไปในบ้าน ระหว่างรอผู้ตายกลับมาได้ใช้มีดเชือดคอแมว เพื่อทดลองความคมก่อน กระทั่งผู้ตายกลับมาจึงก่อเหตุดังกล่าว

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน เห็นว่า การที่จำเลย ใช้มีดปาดคอนางมะลิ และเด็กหญิงอิสห์ยา จนถึงแก่ความตาย และปาดคอเด็กหญิงอาภารัตน์ จนลึกถึงขนาดทำให้หลอดลม และหลอดอาหารฉีกขาด ได้รับบาดเจ็บสาหัส

ถือเป็นการกระทำโดยทารุณโหดร้าย จึงพิพากษาว่า ให้ลงโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ตาม เพราะเป็นการกระทำโดยอุกอาจต่อหญิงชราและเด็กหญิงอย่างโหดเหี้ยมทารุณผิดวิสัย มนุษย์

จึงไม่มีเหตุอันควรปราณี ที่จะลดโทษให้ และให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันก่อเหตุ