ที่ประชุม ครม. มีมติขยายเวลาโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะ 2 ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-มิ.ย.2562 โดยใช้งบกลางกว่า 4,370 ล้านบาท พร้อมปรับเปลี่ยนให้คนจนกดเงินออกมาใช้ได้ 200 และ100 บาทต่อเดือน จากเดิมต้องซื้อของผ่านร้านค้าประชารัฐอย่างเดียว

เมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ที่ประชุม ครม.สัญจร จ.ลำปาง มีมติเห็นชอบเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-wallet) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายเงินในส่วนที่ได้รับโอนรายละ 300 บาท และ 200 บาทต่อเดือน

ซึ่งเดิมกำหนดให้จะต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐเท่านั้น แต่ปรับใหม่ให้สามารถเบิกเป็นเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มและสาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ 200 บาท และ 100 บาทต่อเดือน เหลือเงินสำหรับที่จะต้องใช้จ่ายผ่านร้านค้าประชารัฐ 100 บาท

โดผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี ที่ได้รับการเติมเงิน 300 บาท สามารถถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยได้ 200 บาท ส่วนผู้ถือบัตรที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ได้รับการเติมเงิน 200 บาท สามารถถอนเงินสดได้ 100 บาท

กำหนดให้เบิกเป็นเงินสดช่วงเวลาตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.2562 หรือเป็นเวลา 3 เดือน เหตุผลที่ให้ปรับเปลี่ยนมาเบิกเป็นเงินสดได้รายละ 200 บาท และ 100 บาทต่อเดือนรอบนี้ เนื่องจากเมื่อต้นปีมีผลสำรวจระบุว่า ประชาชนต้องการจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าที่ไม่อยู่ในร้านค้าประชารัฐจำนวนมาก

ที่ประชุม ครม.ยังมีมติเห็นชอบขยายมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง มิ.ย. 62 เพื่อให้การสนับสนุนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และก่อให้เกิดความยั่งยืนในการประกอบอาชีพ

สำหรับโครงการมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 นี้ จะให้ประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาลงทะเบียนเพื่อเข้าอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิต หลังผ่านการอบรมจะรับเงินเพิ่มจากระยะแรกอีกรายละ 100-200 บาทต่อเดือน โดยใช้งบกลาง 4,370 ล้านบาท หรือ ประมาณ 728 ล้านบาทต่อเดือน เพื่อดำเนินการ หลังสำรวจพบผู้เข้าอบรม มีรายได้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 30,000 บาทต่อปี รวมกว่า 1 ล้าน 5 แสนคน

 

มติ ครม. เห็นชอบ 4 พันล้าน ต่ออายุเติมเงินบัตรคนจน-ให้กดเงินสดได้