ตำรวจเตรียมออกหมายเรียกนายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้น และพี่ชายของบูม พร้อมพวกรวม 5 คน เข้าให้ปากคำ 29 สิงหาคมนี้ หลังพบเอี่ยวโกงเงินบิทคอยน์ 797 ล้านบาท และเตรียมเรียกพ่อแม่นายบูม เข้าให้ปากคำ 27 สิงหาคม หลังพบว่า รับเงินโอนเข้าบัญชี 90 ล้านบาท

พันตำรวจตรีชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 ส.ค.) พนักงานสอบสวน จะออกหมายเรียกผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ในคดีโกงเงินบิตคอยน์ มาสอบปากคำ และแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 5 คน

ประกอบ ด้วย 1.นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของบูม 2.นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต (บูม ดารานักแสดง) 3.นายธนสิทธิ์ จารวิจิต น้องชายของนายปริญญา 4.นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด และ 5.นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย

หลังพบว่า มีการกระทำความผิดในการโกงเงินบิทคอยน์ จากนายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ กว่า 797 ล้านบาท โดยทั้ง 5 คน จะต้องมาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ แม้ว่า นายปริญญา จะยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ก็ต้องออกหมายเรียกไปตามขั้นตอน หากไม่มาพบ พนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที

พันตำรวจตรี ชาคริต บอกต่อว่า การออกหมายเรียกกลุ่มแรกนี้ เพราะพบว่า มีการกระทำความผิด และกำลังตรวจสอบขยายผลด้วยว่า มีใครที่ร่วมกระทำความผิดอีกหรือไม่ หากมีจะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาเพิ่มตามลำดับ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีผู้ถือหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด(มหาชน) นั้น ตำรวจพบพิรุธการถือครองหุ้นอยู่หลายส่วน โดยส่วนสำคัญคือ มีการถือหุ้นของอดีตนายทหารคนดังอยู่จำนวนมาก ในบริษัทแห่งนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบเอกสาร และจะทยอยออกหมายเรียกให้มาพบ เพื่อซักถาม และหากพบว่า ร่วมกระทำความผิด ก็จะดำเนินคดี

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ชาคริต บอกถึงกระแสข่าวว่า นายปริญญาพี่ชายของนายบูม ยื่นจดหมายชี้แจงระบุว่า ทีมทนายความได้พยายามติดต่อไปทางกองปราบฯ เพื่อจัดการเรื่องที่ถูกออกหมายจับ

และยืนยันว่า ไม่ได้หลบหนี แต่เดินทางไปต่างประเทศตามกำหนดการเดิม ที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตนเอง ยังไม่ได้รับจดหมายดังกล่าวอย่างเป็นทางการ มีเพียงแค่ข้อความในเอกสารที่นายปริญญา ส่งผ่านมาทางไลน์ส่วนตัว ซึ่งไม่ทราบว่า นายปริญญาได้ไอดีไลน์ของตนเองมาได้อย่างไร

ทั้งนี้ การส่งจดหมาย หรือหนังสือชี้แจง ความจริงแล้วไม่สามารถทำได้ ในเมื่อพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับ ก็ต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง

ส่วนความคืบหน้าการตรวจค้นบ้านพักพ่อแม่ของผู้ต้องหา ในจังหวัดชลบุรี และพบการโอนเงินเข้าบัญชีพ่อและแม่ รวม 90 ล้านบาทนั้น พบว่า พ่อและแม่ผู้ต้องหา ได้เดินทางไปถอนเงินออกจากบัญชีที่ธนาคาร ด้วยตัวเองครั้งละหลายล้านบาท

หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำอย่างละเอียดเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว คาดว่า จะเรียกมาสอบปากคำ ภายในวันที่ 27 สิงหาคม ก่อนนำคำให้การ ไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่ จึงจะบอกได้ว่า จะมีการออกหมายจับ ทั้ง 2 คน ในข้อหาฟอกเงินเพิ่มเติมด้วยหรือไม่

สำหรับคดีนี้ มีรายงานว่า ก่อนหน้าที่ผู้เสียหาย จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายปริญญาและพวกนั้น มีนายทหารผู้มีอิทธิพลนอกราชการชื่อดังคนหนึ่ง เจรจากับผู้เสียหาย ผ่านคนกลาง อาสารับงานทวงเงินจำนวน 797 ล้านบาท จากกลุ่มต้องหาให้ แต่ขอแบ่งเปอร์เซ็นต์ จากการทวงหนี้จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ แต่ผู้เสียหายปฏิเสธ เนื่องจากเกรงว่า จะเกิดเหตุการณ์รุนแรง และอาจการกระทำผิดกฎหมาย จึงมาแจ้งความกับตำรวจกองปราบปราบแทน

จากการตรวจสอบ พบว่า ในบัญชีผู้ถือหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่กลุ่มผู้ต้องหา และผู้เกี่ยวข้องใช้เป็นบริษัทแม่ในการลงทุน และใช้ต้มตุ๋นผู้เสียหายนั้น มีชื่อการครอบครองหุ้นของอดีตนายทหารคนดัง ถือหุ้นอยู่กว่า 425 ล้านหุ้น

ตำรวจกำลังตรวจสอบอยู่ว่า เป็นการรับโอนหุ้น หรือซื้อหุ้นมาจากนายปริญญาหรือไม่ หากเกี่ยวข้อง อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเช่นกัน

ขณะเดียวกัน นายประสิทธิ์ ตามกำหนดเดิม จะแถลงชี้แจงเรื่องที่มีชื่อไปพัวพันกับคดีโกงเงินบิทคอยน์ วันนี้ ( 17 ส.ค.) และยืนยันว่า บริสุทธิ์ใจ มีเอกสารครบ พร้อมตอบคำถามทุกข้อ แต่ล่าสุด ได้ขอเลื่อนชี้แจงออกไป ยังไม่กำหนดวัน แต่ยังยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ออกหมายเรียก "ประสิทธิ์ -พวก" รวม 5 คน เอี่ยวโกงบิทคอยน์ ให้เข้าพบ 29 ส.ค.