นายกฯเป็นประธานการประชุมเอกอัครราชทูต-กงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัด 32 จังหวัดชายแดน โดยยืนยัน ปีหน้าไทยจะเป็นประธานอาเซียนเหมือนเดิม ไม่ว่า ใครจะเป็นรัฐบาลก็ตาม

วานนี้ (10 สค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน 32 จังหวัด เพื่อมอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนในมิติด้านการต่างประเทศ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาจังหวัดชายแดนของไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน

โดย พลเอกประยุทธ์ กล่าวมอบนโยบายในการประชุมว่า สิ่งสำคัญที่สุดในนโยบายต่างประเทศ คือทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศไทยนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียนทางพฤตินัย ซึ่งเราจะต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอาเซียนให้ได้

การประชุมอาเซียนในครั้งหน้า อะไรที่เป็นปัญหาและอุปสรรค จะต้องหารือร่วมกัน ประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ซึ่งตอนนั้นใครจะเป็นรัฐบาลก็ไม่รู้ แต่ไทยก็จะเป็นเจ้าภาพเหมือนเดิม ขออย่าให้เกิดปัญหา เหมือนการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทยครั้งที่ผ่านมา ที่มีปัญหาจนประชุมไม่ได้

ในการทำงานวันนี้ต้องใช้กลไก กฎหมาย วิธีการใหม่เพื่อให้ไทยมีที่ยืนในเวทีโลก การทำงานจะต้องยึดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ไทยนิยมยั่งยืน ประชารัฐไม่ใช่ประชานิยม ไม่ใช่นโยบายที่จะสืบทอดอำนาจ

 

นายกฯ ขอประชาชนหยุดขัดแย้งเดินหน้าเข้าคูหาเตรียมเลือกตั้ง

จากนั้นเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ไม่ได้ทำเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาล แต่ทำเพื่อรักษาอำนาจประชาชนในการเลือกตั้ง เลือก ส.ส.เข้ามาเป็นรัฐบาล ตนไม่อยากให้มีการบิดเบือน จนเริ่มต้นอะไรไม่ได้ สร้างความขัดแย้งในภาครัฐ และประชาชน หากเราต้องการเดินก้าวที่สอง ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่ เราต้องเดินก้าวหนึ่งเสมอ ไม่อย่างนั้น เราก็จะหกล้ม

พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการเป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งก็เป็นกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญ แม้จะไม่ใช่คำตอบทั้งหมดก็ตาม โดยจะต้องทำให้การเลือกตั้งที่จะถึงนี้โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม ส่วนกรณีที่นักการเมืองหลายคนย้ายพรรคกันไปมา ก็ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของนักการเมืองแต่ละคน

ทุกคนต้องรักษาสิทธิ์ด้วยการออกมาใช้สิทธิ์ และไม่เพิกเฉยต่อพฤติกรรมการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ถ้าไม่ออกไปเลือกตั้งเพราะไม่ชอบการเมือง ก็จะเป็นแบบเดิมทั้งหมด ทุกคนต้องร่วมมือกัน เดินหน้าประเทศให้ได้ เช่นเดียวกับตนเองที่ต้องร่วมมือ ด้วยการไปเลือกตั้งในคูหาเหมือนกับทุกคน

นายกฯย้ำปีหน้าไทยเป็นประธานอาเซียน แจง "ไทยนิยมประชารัฐ" ไม่ใช่ประชานิยม