พ่อ แม่ นำศพ นักโทษชาย ที่ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต ครั้งแรกในรอบ 9 ปี เดินทางถึงบ้านเกิด ที่อำเภอเมือง จังหวัดตรังแล้ว โดยมีญาติมารอรับศพจำนวนมาก ขณะ พ่อแม่เหยื่อ บอกอโหสิกหรรมให้ นักโทษประหาร

รถของมูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างของ นักโทษชาย อายุ 26 ปี ที่ถูกประหารชีวิต เดินทางมาพร้อมกับพ่อและแม่ ของนักโทษคนดังกล่าว ถึงบ้านเกิดที่ตำบลควนปริง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เมื่อช่วง 3 ทุ่มคืนที่ผ่านมา ท่ามความเศร้าโศกของ ญาติ และ เพื่อนบ้าน ที่มารอรับศพ กว่า 300 คน โดยการเดินทาง จากรุงเทพฯ ถึงจังหวัดตรังใช้เวลาประมาณกว่า 12 ชั่วโมง 

หลังจากนักโทษรายนี้ ก่อเหตุ ร่วมกับเพื่อนใช้อาวุธมีดแทงนักเรียนชาย ชั้นมัธยม 5 และ ชิงทรัพย์ของผู้ตายรวมมูลค่ากว่า 2 พันบาท เหตุเกิดภายในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 ตำบลทับเที่ยง เขตเทศบาลนครตรัง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2555 

ซึ่งนักโทษชาย ที่ถูกประหารรายนี้ ถือเป็นรายแรกในรอบ 9 ปี จึงมีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก 

ทันทีที่ศพ ของนักโทษชาย ลงจากรถญาติได้นำไปอาบน้ำชำระร่างกายตามพิธีทางศาสนาอิสลาม ก่อนจะนำไปที่กุโบร์ใกล้บ้าน เพื่อฝังก่อนเที่ยงคืนที่ผ่านมา ขณะที่ แม่ ของนักโทษชายอยู่ในอาการเศร้าโศก เสียใจ อย่างมาก 

ขณะที่ พี่สาว และ น้องสาว ของนักโทษประหาร กล่าวว่า แม้ทางครอบครัว จะทำใจมาตลอด เพราะศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ตัดสินประหารชีวิต แต่เสียใจ และทำใจไม่ได้ เพราะว่าในวันที่ศาลตัดสินประหารชีวิต และ สั่งประหารชีวิตนั้น ไม่ได้แจ้งญาติให้ไปดูใจ หรือ ร่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย และ เสียใจที่พี่ชายถูกประหารชีวิตเป็นรายแรกในรอบ 9 ปี 

ทั้งนี้ ครอบครัว ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมอยู่แล้ว เนื่องจากพี่ชาย (นักโทษประหาร) ส่งจดหมายมาขอเงินจำนวน 2 พันบาท พร้อมวุฒิการศึกษา และ ทางพี่สาวก็ไปส่งให้แล้ว 

นายสุนทร และ นางยุคล สุขมาก พ่อแม่ของผู้เสียชีวิต ที่ถูกนักโทษชายรายนี้ แทง 24 แผล เพื่อชิงโทรศัพท์มือถือ ในสวนสาธารณะเทศบาลนครตรัง เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2555 ร่ำไห้ขณะถือเสื้อนักเรียนของลูกชาย 

โดย บอกว่า อโหสิกรรมให้นักโทษที่ถูกประหารชีวิต แต่อยากขอให้ตำรวจ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เหลือ เพราะจากหลักฐานเชื่อว่า ยังมีคนร้ายที่ยังคงหลบหนีอยู่ ซึ่งครอบครัวยังคิดถึงลูกชาย และตลอด 6 ปี ที่ผ่านมา ยังคงทำใจกับการสูญเสียไม่ได้ 

ขณะเดียวกัน ทางด้าน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ คัดค้าน "ราชทัณฑ์" โดย นางแคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่าเรื่องนี้ เป็นการละเมิดสิทธิ ที่จะมีชีวิตรอดอย่างน่าละอาย เป็นเรื่องน่าตกใจ ที่ประเทศไทย ละเมิดต่อพันธกิจที่เคยประกาศไว้ว่า จะเดินหน้าไปสู่การยกเลิกโทษประหาร และการปกป้องสิทธิที่จะมีชีวิตรอด ทั้งยังเป็นการทำตัวไม่สอดคล้องกับกระแสโลก ซึ่งกำลังมุ่งหน้าออกจากโทษประหาร 

ทั้งนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่า จะเป็นความผิดทางอาญาประเภทใด ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีบุคลิกลักษณะใด หรือไม่ว่าทางการจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด โทษประหารชีวิตละเมิดสิทธิ ที่จะมีชีวิตตามที่ประกาศไว้ในปฏิญญาสากลว่า ด้วยสิทธิมนุษยชน และ ถือเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และ ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากนั้นได้ เดินทางมารวมตัวหน้าคุกบางขวาง เพื่อไว้อาลัยให้นักโทษประหาร 

นอกจากนี้พบว่า โลกโซเชียลวิพากวิจารณ์ กรณีที่ แอมเนสตี้ฯแถลงการณ์คัดค้าน โดยระบุว่า ควรเรียกร้องให้ผู้บริสุทธิ์ ที่ถูกกระทำมากกว่า 

ด้าน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คัดค้านโทษประหารชีวิตของไทย ว่า การประหารชีวิต ยังเป็นการลงโทษ ที่มีอยู่ในกฎหมายของไทย ถือเป็นความจำเป็นของเราเอง และ เป็นความต้องการของประชาชนด้วย 

เพราะจากการสอบถามความคิดเห็นของประชาชนว่า ควรจะยกเลิกโทษประหารชีวิตหรือไม่นั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรให้มีอยู่

อย่างไรก็ตามขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันในปัจจุบันมีคดีร้ายแรงหลายคดีเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขและเป็นบทเรียนสอนใจ 

พันตำรวจโท ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวนสถานีตำรวจภูธร เมืองตรัง เจ้าของคดี ฆ่านักเรียนชั้น ม.5 ชิงทรัพย์ในสวนสาธารณะศรีนัครินทร์ 95 ได้ลงพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุ อีกครั้ง 

พร้อมระบุว่า สำหรับคดีนี้คนร้ายมีจำนวน 2 คน แต่ขณะนี้ยังสามารถจับกุมตัวได้ 1 คน ส่วนอีกคนตำรวจได้สืบสวน หาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

 

นำร่างนักโทษประหารกลับบ้านประกอบพิธีศพแล้ว