เลขาสภาผู้แทนราษฎร เตรียมเรียกประชุมบริษัทออกแบบรัฐสภาแห่งใหม่ มาหารือในวันที่ 18 พ.ค.นี้ เพื่อปรับลดงบประมาณ หลังครม.ตีกลับงบสร้างรัฐสภาใหม่กว่า 8,000 ล้านบาท โดยเฉพาะค่าไมโครโฟน 1 แสน 2 หมื่นบาท และนาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท

จากกรณีที่ประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ วงเงินกว่า 512 ล้านบาท แต่ไม่อนุมัติงบประมาณเทคโนโลยีและสารสนเทศ วงเงิน 8,135 ล้านบาท เนื่องจากมีรายละเอียดไม่ชัดเจนและมีอุปกรณ์บางอย่างราคาสูงเกินควร โดยเฉพาะค่าไมโครโฟน 1 แสน 2 หมื่นบาท และนาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท ซึ่งนายกฯ ถึงกับบอกในที่ประชุมว่า ยอมรับไม่ได้กับราคาดังกล่าว 

วานนี้ (16พ.ค.) นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ตนจะเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องและบริษัทออกแบบมาหารือถึงกรณีที่เกิดขึ้น จากนั้นจะแถลงข่าว โดยจะให้บริษัทที่ออกแบบร่วมชี้แจงด้วย 

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า ไมโครโฟน และนาฬิกาแพงเกินเหตุนั้น นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นการมองต่างมุม เพราะฝ่ายบริษัทออกแบบอาจมองว่าจำเป็น แต่อีกฝ่ายมองว่า น่าจะใช้ของที่มีราคาถูกกว่านี้ ซึ่งปัญหานี้ตนจะขอชี้แจงหลังประชุมในวันที่ 18 พ.ค.นี้ แต่เบื้องต้นจะต้องปรับลดงบประมาณลงมาอย่างแน่นอน 

พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการทุจริต ทุกอย่างถูกต้อง โปร่งใส และต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาใหม่เสร็จโดยเร็วที่สุด 

ด้าน นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า งบประมาณกว่า 8 พันล้านบาทที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรขอไป เป็นงบประมาณที่ไม่ควรเสียไป เพราะเป็นงบที่เกิดขึ้นจากการขยายเวลาการก่อสร้าง ทั้งค่าควบคุมงานก่อสร้าง และค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้าง หากไม่มีการขยายเวลาการก่อสร้างก็จะไม่มีงบส่วนนี้เกิดขึ้น 

สำหรับงบประมาณดังกล่าวที่ถูกครม. ตีกลับ นอกจากไมโครโฟน และนาฬิกา ที่แพงเกินจริงแล้ว ยังมีโทรทัศน์ ขนาด 65 นิ้ว ราคา 1 แสน 7 หมื่นบาทต่อเครื่อง ทั้งที่ราคาที่วางขายในตลาดไม่เกินเครื่องละ 5 หมื่นบาท จึงเห็นว่า ราคาที่เสนอนั้นไม่ใช่ราคามาตรฐานกลางตามระเบียบราชการ แสดงให้เห็นถึงการส่อเจตนาการฮั้วกันของรัฐสภากับบริษัทเอกชนรายเดียวที่ได้รับสิทธิ ซึ่งตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากพบความไม่โปร่งใส จะตั้งโต๊ะแถลงต่อสาธารณะทันที 

ทั้งนี้หลังจากรัฐบาลชุดนี้พ้นจากตำแหน่งจะยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเรื่องการขยายเวลาก่อสร้าง และจะต้องตรวจสอบว่ามีการตั้งงบประมาณส่วนใดที่สูงเกินความเป็นจริงหรือไม่ 

ตามกำหนดการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ในส่วนของห้องประชุมส.ว.ห้องกรรมาธิการ และที่ทำงานบุคลากร กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561 

ส่วนห้องประชุมส.ส. และพื้นที่เชื่อมต่อบางส่วน กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2562 เพื่อรองรับการเลือกตั้ง และต้องแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนธันวาคม 2562

  • เลขาฯสภาสั่งสอบงบไอทีสภาแห่งใหม่ 8 พันล้าน หลังโดนติงไมค์-นาฬิกาแพง
  • เลขาฯสภาสั่งสอบงบไอทีสภาแห่งใหม่ 8 พันล้าน หลังโดนติงไมค์-นาฬิกาแพง