ทางการมาเลเซีย ออกแถลงเร่งติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกไอเอส 4 คน ซึ่ง 1 ใน 4 คน เป็นคนจังหวัดนราธิวาส โดย "พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เผยจับได้แล้ว 2 คน หลังเดินทางเข้ามายังจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งตรวจสอบว่า เป็นกลุ่มไอเอสหรือไม่

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่ประเทศมาเลเซีย เร่งติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยไอเอส 4 คน ที่เคลื่อนไหวในมาเลเซีย โดย 1 ใน 4 คน ที่ถูกระบุว่า เป็นคนสัญชาติไทย มีถิ่นพำนักในจังหวัดนราธิวาส

โดยพลเอกประวิตร กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยดังกล่าว เป็นชาวมาเลเซีย 3 คน และ ชาวไทย 1 คน โดยหนีการจับกุมจากมาเลเซีย เข้ามายังจังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม 2 ใน 4 ผู้ต้องสงสัยได้แล้ว แต่อีก 2 คน หนีกลับประเทศมาเลเซียไปได้ โดยเจ้าหน้าที่กำลังติดตาม และตรวจสอบอยู่ว่า ใช่กลุ่มไอเอสหรือไม่

พร้อมยอมรับว่า กลุ่มไอเอส มีความพยายามเข้ามาในประเทศไทย แต่ทางการไทยได้ดำเนินการป้องกันอยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการตั้งสาขาของกลุ่มไอเอสในภาคใต้ แต่มีแนวโน้มว่า จะมีการดำเนินการ ซึ่งทำในทุกประเทศอยู่แล้ว ซึ่งทางไทยได้มีการป้องกันอย่างเต็มที่ และตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจมาเลเซีย แถลงว่า ได้จับกุมสมาชิกกลุ่มไอเอส 6 คน ในรัฐยะโฮร์ ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ -1 มีนาคม แต่มี 4 คน ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่ง 1 ใน 4 คน คือ นายอะแว แวเอยา อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดนราธิวาส และเป็นหัวหน้ากลุ่ม ซึ่งมาเลเซีย ระบุว่า ทั้ง 4 คนนี้ เป็นบุคคลอันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ

ขณะที่สื่อต่างประเทศ อ้างแหล่งข่าวกรองว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยไอเอส ที่ถูกจับกุมตัวได้ ระบุว่า นายอะแว กำลังพยายามจะจัดตั้งสาขาไอเอสในภาคใต้ประเทศไทย

ด้านพันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รับทราบเรื่องแล้ว และได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 4 ตรวจสอบ ล่าสุด จากการตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยดังกล่าวพบว่า เป็นคนไทยจริง มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส

แต่จากการตรวจสอบพฤติกรรมเชิงลึก และฐานข้อมูลที่มีการตรวจพบในเฟซบุ๊กและสื่อออนไลน์ พบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสแต่อย่างใด แต่เป็นพฤติกรรมของบุคคลที่ชอบคุยโม้โอ้อวด ที่จะพยายามสร้างการยอมรับในสื่อสังคมออนไลน์ โดยพยายามจะอุปโลกน์ตัวเองว่า เป็นบีไอเอ็น หรือเป็น ไอเอส

และจากการตรวจสอบกับติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มไอเอสในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่พบความเคลื่อนไหว หรือความเชื่อมโยงของการก่อเหตุในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กับกลุ่มไอเอสแต่อย่างใด เพราะปัญหาจังหวัดชายแดนภาตใต้ เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย ซึ่งผู้ที่กระทำความผิดล้วนแต่เป็นพลเมืองของไทย