ผู้บังคับการกองปราบปราม เผยออกหมายเรียก "นายแผน" พยานครูปรีชา 2 ครั้ง หากพุธ ที่ 21 มี.ค.นี้ไม่มา เตรียมพิจารณาขอศาลออกหมายจับ ยืนยันไม่เคยส่ง ตำรวจคอมมานโดตามประกบ ตามที่ "นายแผน" กล่าวอ้าง

จากกรณีที่ นายฐนุกูล เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ "แผน" พยาน"ครูปรีชา ใคร่ครวญ ได้ไปยื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมองว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม และ ถูกตำรวจข่มถูก

ล่าสุด พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของ "นายแผน" ไม่มีผลต่อการทำงาน และ การสรุปสำนวนการสอบสวนของตำรวจกองปราบปราม เนื่องจากขณะนี้ สำนวนคดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมากแล้ว สำนวนคดีถือว่า เกือบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ 

ส่วนอีก 2 สำนวน เหลือเพียงการตรวจสอบความสมบูรณ์ของพยานหลักฐาน และ รอลงมติจากที่ประชุมคณะทำงานคดี ว่า จะส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการเมื่อใด ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิดสิ้นเดือนนี้แน่นอน 

ส่วนเรื่องที่ "นายแผน" อ้างว่า ถูกตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม สะกดรอยติดตามความเคลื่อนไหวไป ขอให้ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษนั้น พลตำรวจตรีไมตรี ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง และ ไม่มีความจำเป็นหรือมีเหตุสำคัญใดๆ ที่จะต้องใช้หน่วยคอมมานโดไปติดตามตัว "นายแผน" เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีภารกิจที่จำเป็น และ สำคัญมากกว่าไปตามจับ "นายแผน" ส่วนเรื่องการออกหมายเรียกครั้ง 2 ได้ให้ "นายแผน" เข้ามาพบให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ในวันที่ 21 มีนาคมนี้ 

ซึ่งเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม และตำรวจในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้นำหมายเรียกไปส่งที่บ้านพักของ "นายแผน" แล้ว โดยมีผู้รับหมายเรียกไว้ เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้ว พร้อมระบุว่าหาก "นายแผน" บริสุทธิ์ใจ มีพยานหลักฐาน ก็ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และ หากพ้นวันที่ 21 มีนาคม "นายแผน" ไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน จะพิจารณาออกหมายจับต่อไป 

ส่วน "นายแผน" เมื่อวานนี้ (17มี.ค.) ได้เดินทางที่ สน..บางเขน เพื่อไปเป็นพยานให้ นายสุกิจ พูลศรีทรัพย์ ทนายความ แจ้งความดำเนินคดี นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ฐานหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา นำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ บิดเบือน ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยต่อสังคม และ ฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลที่บัญญัติ ห้ามคู่ความ เผยแพร่ข้อมูลและพยานหลักฐานที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดี 

นายสุกิจ กล่าวว่า นายอัจฉริยะ ไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้กล่าวพาดพิง โจมตีว่าอยู่เบื้องหลังคดีหวย 30 ล้าน ซึ่งทำให้ตนเองได้รับความเสียหาย 

นอกจากนี้ นายสุกิจ ได้กล่าวถึง กรณีตำรวจกองปราบปรามออกหมายเรียก "นายแผน" ทั้งที่รู้ว่าเจ้าตัวอยู่กรุงเทพ แต่ยังส่งหมายเรียก 2 ครั้งไปที่บ้าน "นายแผน" โดยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนรับหมาย หลังจากนี้ หากตำรวจออกหมายจับ "นายแผน" ก็จะฟ้องกลับตำรวเช่นกัน 

เบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำ นายสุกิจ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อ จะเรียก "นายอัจฉริยะ" มาสอบสวน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม ทนายความของ ร้อยตำรวจโท จรูญ วิมูล ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก หลังสภาทนายความออกแถลงการณ์ ว่า 

ความเห็นของ นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนายความฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นความเห็นส่วนตัว 

กรณี "นายแผน" เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อสภาทนายความ ให้มีการตรวจสอบการทำงานและมรรยาท ที่ตนเองมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แต่งกายที่ไม่สุภาพ เช่น สวมเสื้อยืดคอกลม กางเกงยีนส์ ไปบริเวณศาล

ทนายตั้ม ย้ำว่า ที่ผ่านมาตั้งใจทำงาน และ ช่วยเหลือคนมาตลอด ยอมรับว่า ที่ผ่านมาอาจจะใช้อารมณ์ไปบ้าง ใจร้อนไปบ้าง แต่ สัญญาว่า จะควบคุมและปรับปรุงในส่วนที่เป็นข้อเสีย และ พัฒนาในส่วนที่เป็นข้อดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น และ ระบุว่า จะไม่ไป ร้องสภาทนายความปลด นายพัฒนา พ้นอุปนายกฯฝ่ายกิจการพิเศษเพราะมองว่า ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ และ ไม่อยากตกหลุมอารมณ์ตัวเอง โดยสิ่งต่างๆที่อุปนายกท่านดังกล่าว ทำไม่ว่าเรื่องในอดีต หรือ สิ่งที่ปรากฎตามสื่อในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จะชี้วัดพฤติกรรมจากการกระทำของตัวเอง และ ให้ผู้ใหญ่พิจารณากันเอง

ทนายตั้ม ยังได้ขอบคุณความรัก ความเมตตาของประชาชนทั้งประเทศที่ปกป้อง ยืนยัน ว่า จะทำหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน อย่างมุ่งมั่น เต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้เป็นที่พึ่งให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความเป็นธรรมต่อไป โดยจะทำหน้าที่จนสุดลมหายใจ

ผบก.ป.ยันไม่ได้ส่งคอมมาโดตามประกบ“นายแผน” หลังออกหมายเรียกรอบสอง