"นางสาวปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม "เผยดีใจที่ได้เปิดโปงขบวนการโกงเงินคนจนศูนย์จังหวัดขอนแก่น แต่ไม่คิดว่าจะพบทุจริตในศูนย์อื่นๆด้วย ยอมรับภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยคนจน และประเทศชาติ

นางสาว ปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นักศึกษาปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยความรู้สึกกรณีที่เปิดโปง ความไม่โปร่งใส ว่าขณะฝึกงานถูกผู้อำนวยการ สั่งให้ปลอมเอกสารราชการ โกงเงินคนจน ผู้ติดเชื้อเอดส์ กว่า 2 พันคน รวมเป็นเงินกว่า 6 ล้าน 9 แสนบาท ขณะเข้าฝึกงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ผ่านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 

ต่อมาได้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวพบความไม่โปร่งใส ที่จ.ขอนแก่น และขยายผลไปยังศูนย์ในจังหวัดอื่น 37 ศูนย์ ทั่วประเทศ พบทุจริตใน จ.เชียงใหม่ จ.บึงกาฬ จ.หนองคาย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ตราด 

น้องแบม กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตรวจสอบทั่วประเทศเช่นนี้ คิดว่ามีเฉพาะที่จ.ขอนแก่ถือ เป็นความภูมิใจ ที่ สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ และ ทำเพื่อพี่น้องคนจน ที่ ควรจะได้รับเงินสงเคราะห์ จริงๆตามสิทธิ์ 

น้องแบม กล่าวว่า หลังจากมีข่าวแพร่ เริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสอบถามข้อมูล ตนเองก็ให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย แต่ในทางกลับกันยังมีคนอีกกลุ่ม ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร มาจากไหน คุกคามทั้งกับญาติพี่น้อง และขับรถติดตาม จึงอยากให้การสืบสวนสอบสวนในเรื่องที่ร้องเรียนไปนั้น จบโดยเร็ว เพราะ คิดว่า ถ้าเรื่องจบ การคุกคามก็คงไม่เกิดขึ้นอีก 

ขณะเดียวกันก็ถูกอาจารย์ เรียกเข้าสอบปากคำในเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถูกอาจารย์เรียกเข้าไปสอบถามในเรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองก็ตอบคำถามไปตามความเป็นจริง 

แต่กลับถูกความสร้างความเสื่อมเสียให้มหาวิทยาลัยฯ แต่ตนไม่ได้ใส่ใจ เพราะทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการร้องเรียน ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เพียงแค่ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง 

เพราะที่เรียนมาทั้งหมด ก็เพื่อจะเป็นนักพัฒนาชุมชนที่ดี สามารถนำความรู้และประสบการณ์ในการฝึกงานไปสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านและบ้านเมืองต่อไปในอนาคต แต่เมื่อเรื่องราวต่างๆขยายออกไปเป็นวงกว้าง นำมาสู่การตรวจพิสูจน์ของทางราชการ ก็ถือเป็นการดี ที่เรามีส่วนได้สร้างคุณประโยชน์ให้บ้านเมืองพร้อม ขอขอบคุณหน่วยงานต่างๆที่มอบเกียรติบัตร มอบโล่ให้ ถือเป็นรางวัลอันสูงสุดของครอบครัว 

ขณะที่ พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี นายกรัฐมนตรี เซ็นต์คำสั่งให้ย้าย ปลัดและรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรณีการร้องเรียนการทุจริตเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ว่า เพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าว มีความถูกต้อง เป็นธรรม 

เนื่องจากผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบความผิดปกติจริง แต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นอาจมีความเกี่ยวข้องกับข้าราชการของ พม. ในหลายระดับ หลังจากนี้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงต่อไป 

นอกจากนี้ พลเอกประยุทธ์ บอกอีกว่า รัฐบาลยอมไม่ได้ ที่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน หากพบการกระทำผิดจริง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับใด จะต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด รวมถึงคนที่ปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องขึ้นด้วย 

ขณะที่ นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ(พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เปิดเผยว่า คณะกรรมสอบวินัย ผู้อำนวยการ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จังหวัดขอนแก่น รายงานเบื้อต้นว่า พบ ผอ.ศูนย์ฯ และ เจ้าหน้าที่ 1คน มีความผิดวินัยร้ายแรง มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาถึงบุคคลทั้ง2ไปแล้วเมื่อวันที่22ก.พ.ที่ผ่านมา 

ตามระเบียบหลังรับทราบข้อกล่าวหา ให้เวลา15วัน ในการหาข้อมูลมาหักล้าง หากไม่สามารถหักล้างได้ ก็จะยืนตาม ข้อกล่าวหารับโทษสูงสุด คือไล่ออก หรือ ปลดออก ส่วนการสอบเจ้าหน้าที่อีก2คนพบความผิดวินัยไม่ร้ายแรง อยู่ระหว่างการสอบสวนเชิงลึก ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา 

ส่วนผลสอบวินัยศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่ได้รับรายงาน ส่วนศูนย์ฯจังหวัดบึงกาฬ ก็อยู่ระหว่างส่งเจ้าหน้าที่สอบข้อเท็จจริง ล่าสุดที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)ตรวจพบความไม่ชอบมาพากลศูนย์ฯที่จังหวัดตราด ก็คงต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน 

นางนภา กล่าวต่ออีกว่า เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เชิญผู้บริหารพม. ทุกกรมเข้าพบ เพื่อกำชับ การเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ ว่าให้เป็นไปอย่างรัดกุมและมีมาตรการป้องกันช่องโหว่ และให้มีการพิจารณาจัดสรรเงินในรูปแบบคณะกรรมการ 

โดยมีเจ้าหน้าที่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด(พมจ.)และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดพม.ร่วมกันพิจารณา จัดสรรเงินให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยจะเริ่มใช้ในการจัดสรรเงินงบประมาณปี 2561งวดที่2ประมาณเดือนเม.ย.นี้ 

นางนภา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์ นอกจากจะจ่ายเป็นรายบุคคล ยังสามารถยังจ่ายผ่านการรวมกลุ่มประกอบอาชีพ 

ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะมีช่องโหว่ และบางพื้นที่ จ่ายเป็นเงินก้อนผ่านตัวแทนเช่น อบต. ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาว่าเงินไม่ได้ไปถึงตัวบุคคล ดังนั้นต่อไปจะจ่ายถึงมือบุคคล ตามรายชื่อที่ได้รับการพิจารณาเป็นราย หรือ หากเป็นไปได้จะจ่ายผ่านบัญชีธนาคาร หรือ เช็คไปยังรายบุคคล แต่ถ้าจ่ายเป็น เงินสด สำหรับผู้อยู่ห่างไกล จะต้องเห็นเงิน ชัดเจนว่ามอบเท่าไหร่ พร้อมบันทึกภาพไว้ทุกขั้นตอน ทั้งใบหน้าผู้รับและผู้ให้

"น้องแบม" เปิดใจไม่คิดว่าเปิดโปงทุจริตเงินคนที่ขอนแก่นจะโยงไปศูนย์อื่น