จากกรณีสองสามี ภรรยาที่จังหวัดนครพนม ถูกฟ้องเก็บภาษีย้อนหลัง 11 ล้านบาท โดยที่เจ้าของบัตรประชาชนไม่รู้เรื่องการจดทะ เบียน บริษัท ทีมข่าวตรวจสอบกับหน่วยงานที่รับผิดชอบพบว่ามีความเป็นไปได้ ที่มิจฉาชีพอาจอาศัยช่องว่างในการก่อเหตุ

นายสมบุญ โมจนกุล ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พาคุณนฤชา กมุทโยธิน ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ของเรา เดินดูขั้นตอนการขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จำกัด

ขั้นตอนแรกของการลงทะเบียน ทางเจ้าของกิจการต้องแสดงตัวตนในระบบด้วยการกรอกรายละเอียดผ่านเว็ปไซต์ จากนั้นจึงจะนำเอกสารมายื่นเพื่อยืนยันตัวตน ซึ่งขั้นตอนนี้เจ้าของกิจการต้องเดินทางมาด้วยตัวเองเพราะจะทำบันทึกข้อมูลหลักฐานต่างๆ ไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งยากต่อการสวมสิทธิ หรือ แอบอ้างนำบัตรประชาชนคนอื่นมาเปิดบริษัท ซึ่งวิธีการนี้เพิ่งเริ่มบังคับใช้เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา


เมื่อตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนของกองทะเบียนธุรกิจ แทบจะไม่เห็นช่องว่างของการสวมสิทธิหรือการแอบอ้างเปิดบริษัท แต่สำหรับกรณีของนางนุ้ย พรมราช ชาวบ้านจังหวัดนครพนม ที่ถูกฟ้องเรียกเก็บภาษีสูงถึง 11 ล้าน 8 แสนบาท ทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวถูกยกเลิกบริษัทตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2557 แต่เริ่มจดทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2556 จึงเป็นไปได้ว่า “บัตรประชาชน” ของนางนุ้ยที่ให้การว่า “ทำหาย” อาจถูกนำมาใช้จดทะเบียนบริษัทและปลอมลายเซ็นเอกสารการมอบอำนาจตั้งแต่แรกเริ่ม จึงทำให้เข้าสู่กระบวนการอย่างถูกต้อง

ผู้อำนวยการกองทะเบียนธุรกิจ บอกอีกว่า กรณีนี้ของนางนุ้ย ที่ตกเป็นผู้เสียหาย สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ด้วยการร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่อยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวหรือไม่

"บัตรประชาชน" หายอันตรายกว่าที่คิด ถูกสวมชื่อเปิดบริษัทไม่รู้ตัว