กระทรวงแรงงาน พร้อมสนับสนุนนโยบาย "มีลูกเพื่อชาติ" เตรียมเพิ่มเงินค่าคลอดลูกเป็น 13,000 บาท เงินสงเคราะห์บุตรเพิ่มเป็น 600 บาท หวังจูงใจเพิ่มประชากรวัยทำงาน

นพ.สุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กระทรวงแรงงาน เผยว่า จากสถานการณ์ที่ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 ส่งผลต่ออัตราส่วน ของผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลปัจจุบันจึงได้ให้ความสำคัญกับนโยบายสนับสนุนประชากรของประเทศ ให้มีบุตรเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรที่กำลังลดลง รวมถึงสร้างกำลังแรงงานในอนาคต สำนักงานประกันสังคม ได้มีติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น จึงได้ดำเนินการวางนโยบายพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐ และของกระทรวงแรงงานโดย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของผู้ประกันตน สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน สร้างหลักประกันทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียม และสามารถคุ้มครองแรงงานได้อย่างทั่วถึง

นพ.สุรเดช กล่าวอีกว่า โดยการพัฒนาด้านสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตร โดยได้มีการปรับปรุงกฎหมายประกันสังคมให้มีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมสำหรับ ลูกจ้าง ผู้ประกันตนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้ เพิ่ม สิทธิกรณีคลอดบุตร จาก เดิม ผู้ประกันตนหญิง มีสิทธิได้รับไม่เกิน 2 ครั้ง เหมาจ่าย ครั้งละ 13,000 บาท + เงินสงเคราะห์ การหยุดงาน 90 วัน เป็น ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับไม่จำกัดจำนวนครั้งละ 13,000 บาท + เงินสงเคราะห์การหยุดงาน 90 วัน ไม่เกิน 2 ครั้ง

เลขาธิการ สปส. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร จากเดิม บุตรอายุ 0 – 6 ปี ได้คราวละไม่เกิน 2 คน เหมาจ่ายรายเดือน จากเดิมเดือนละ 400 บาท เป็น 600 บาท ให้มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตร คราวละไม่เกิน 3 คน (สำหรับกรณีเหมาจ่ายรายเดือนดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการเพื่อนำร่างกฎกระทรวงเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาและนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเพื่อประกาศใช้ต่อไป)