ที่ประชุมครม.สัญจร จ.จันทบุรี เห็นชอบงบประมาณกว่า 7 หมื่น 7 พันล้าน เพื่อนำไปก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 22 กิโลเมตร เตรียมเปิดใช้งานปี 63 พร้อมอนุมัติแผนเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำภาคตะวันออกรองรับอีอีซี

ครม.อนุมัติแผนเพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำภาคตะวันออกรองรับอีอีซี 

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.ได้อนุมัติแผนจัดการเรื่องน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของกรมทรัพยากรแห่งชาติน้ำ ที่เสนอให้ ครม.จัดทำแผนแหล่งในภาคตะวันออก เพราะเป็นพื้นที่เขตอีอีซีที่จะมีต้องมีแหล่งอุตสาหกรรม และคาดว่า ต้องมีแรงงานเกิดขึ้นในพื้นที่กว่า 3 ล้านคน

จึงกำหนดแผนว่า ต้องปรับปรุงแหล่งน้ำเดิมที่อยู่ในเขตพื้นที่ 6 แห่ง เพื่อเก็บน้ำเพิ่มได้อีก 75 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะจัดทำอ่างเก็บน้ำใหม่ 3แห่ง ซึ่งจะเก็บน้ำได้เพิ่ม 308 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งขุดคลองระบายน้ำให้น้ำพร่องถึงกัน

เพราะคาดว่า ในอนาคต ปี 2570 ในพื้นที่จำเป็นต้องใช้น้ำ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร และปี 2579 น่าจะใช้น้ำถึง 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปัจจุบันพบว่า สำรวจพบว่า มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยขณะนี้สามารถจัดหาน้ำได้ 427 ล้านลูกบาศก์เมตร

ครม.เห็นชอบงบ 7.7 หมื่นล้านพัฒนาระบบขนส่งภาคตะวันออก

ที่ประชุม ยังรับทราบภาพรวมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ภาคตะวันออก ของกระทรวงคมนาคม โดยพัฒนาด้านการขนส่งทางบกในพื้นที่ภาคตะวันออก วงเงินงบรวมกว่า 77,323 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 22 กิโลเมตร วงเงิน 20,200 ล้านบาท กำหนดเปิดใช้งานในปี 2563

รวมถึงการขยายช่องทางการจราจรทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3162 ทางเข้าท่าอากาศยานอู่ตะเภา-ท่าเรือจุกเสม็ด เพื่อลดความแออัดของการจราจร ทางหลวงหมายเลข 304 มีนบุรี-ฉะเชิงเทรา เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังจังหวัดฉะเชิงเทรา และเส้นทางเลียบชายทะเลตะวันออก ชลบุรี-ระยอง จะมีการสร้างเส้นทางจักรยาน จุดพักรถ และจุดชมวิว รวมถึงพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวรอบเกาะช้าง

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนในปี 2563-2566 ว่า จะก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 61 สายแหลมฉบัง-ปราจีนบุรีนครราชสีมา เพื่อเชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา-หนองคาย

ครม.เห็นชอบงบ 7.7 หมื่นล้าน พัฒนาระบบขนส่งภาคตะวันออก