ผู้เสียหายจากการถูกหลอกเข้าร่วมธุรกิจขายฝัน "ยาขาว" เข้าร้องเรียน สคบ.ให้ตรวจสอบบริษัทผู้ประกอบกิจการ ว่าเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ เบื้องต้นพบเคยทำผิด พรบ.ขายตรงมาแล้วครั้งหนึ่ง

ผู้เสียหายจากการถูกหลอกให้ร่วมลงทุนในธุรกิจขายฝันที่มีการนำรถหรูมาถ่ายรูปหลอกลวงให้หลงเชื่อ นำผลิตภัณฑ์คอลลาเจนและหลักฐานการถูกชักชวนเข้าร่วมธุรกิจเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ.ให้ตรวจสอบการทำธุรกิจของบริษัทดังกล่าวว่าผิดพรบ.ขายตรง หรือเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่ หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุน บางรายสูญเงินหลายแสนบาท

นักศึกษาสองรายที่ถูกชักชวนเข้าร่วมทำธุรกิจเปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา มีคนไม่รู้จักส่งข้อความมาชักชวนทางเฟสบุ๊ค ให้ร่วมทำธุรกิจ โดยบอกว่าเป็นงานกระจายสินค้า ตอนนั้นอยากหารายได้ระหว่างเรียนจึงตกลงเข้าร่วมโดยเสียเงินคนละ 300 บาท

จากนั้นถูกชักชวนให้เข้าอบรมที่บริษัทย่านรัชดา และมีคนของบริษัทบอกให้เธอทั้ง 2 คนจ่ายเงินคนละ 36,000 บาท แต่เนื่องจากพวกเธอไม่มีเงินจึงจ่ายไปแค่ 19,000 บาท และได้สินค้าเป็นคอลลาเจน ซึ่งเมื่อนำไปขายก็ไม่มีคนซื้อ ระหว่างนี้คนของบริษัทยังทวงเงินอยู่เรื่อยๆ พร้อมแนะนำให้ชวนคนอื่นมาร่วมลงทุนและให้หลอกขอเงินจากผู้ปกครองมาร่วมลงทุน ตอนหลังพวกเธอเอะใจจึงหยุดทำธุรกิจกับบริษัทนี้

นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกชักชวนในลักษณะเดียวกัน บางรายเล่าว่า ระหว่างเข้าอบรมกับบริษัทจะถูกจำกัดพื้นที่ไม่ให้ออกไปไหน และถูกหว่านล้อมให้นำทรัพย์สินไปจำนำเพื่อให้ได้เป็นสมาชิกระดับแอมบาสเซเอดร์และวีไอพี

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พันตำรวจเอกประทีป เจริญกัลป์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เปิดเผยว่าพฤติการณ์ของบริษัทนี้อาจเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด หากพบว่าเข้าข่ายความผิดจริง จะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด

สำหรับบริษัทดังกล่าว สคบ.พบข้อมูลว่าเคยทำผิด พรบ.ขายตรงฯ มาแล้วหนึ่งครั้ง เมื่อปี 2558 เป็นความผิดฐานประกอบธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต

เหยื่อบริษัทขายตรง "ยาขาว" พบสคบ.