นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สั่งกระทรวงการคลัง หาแนวทางเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น โดยอาจดึงงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน หรือดำเนินการไม่ทันตามกรอบเวลามาใช้ก่อน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มอบหมาย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ สำนักงบประมาณ ไปหาทางเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวงเงินสำหรับการใช้ซื้อสินค้าที่จำเป็น ซึ่งปัจจุบันผู้ที่มาลงทะเบียนไว้ จะได้รับวงเงินจากภาครัฐไปซื้อของใช้เดือนละ 200-300 บาทเท่านั้น ส่วนจะเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นมาเท่าใด จะต้องไปพิจารณาความเหมาะสมก่อน เบื้องต้น อาจดึงงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน หรือดำเนินการไม่ทันตามกรอบเวลามาใช้ เพื่อให้เงินไปส่งตรงไปถึงคนมีรายได้น้อยจริง ๆ หลังพบว่าผู้มีรายได้น้อยมีความจำเป็นใช้เงินเพิ่มขึ้น เช่นการซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานในช่วงเปิดเทอม เป็นต้น

สำหรับการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการดังกล่าว แบ่งเป็น การลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน รัฐบาลจะให้เงินใส่ไปในบัตรสวัสดิการให้ผู้ที่มีรายได้น้อย ที่มาลงทะเบียน นำไปใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค โดยคนที่มีรายได้ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท จะได้เงินไปซื้อของใช้เดือนละ 300 บาท

ส่วนคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท ขึ้นไปแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ได้รับเงินเดือนละ 200 บาท และได้เงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มคนละ 45 บาทต่อ 3 เดือนครั้ง ส่วนการลดค่าใช้จ่ายเดินทาง คือ ถ้าเดินทางด้วยรถเมล์ รถไฟฟ้า จะได้รับเงินเดือนละ 500 บาท

ทั้งนี้ยังได้ให้กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างหานโยบายช่วยเหลือคนที่มีรายได้น้อยเพิ่มเติมในปี 2561 โดยจะเน้นการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาให้มีรายได้เลี้ยงดูตัวเองได้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ หาทางส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ผลิตสินค้าป้อนร้านค้าประชารัฐ โดยเน้นผลิตสินค้าที่คนมีรายได้น้อยต้องการ เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช หรือไข่ไก่ ไข่เป็ด

หากทำสำเร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาสินค้าชุมชนที่ขายไม่ออกสามารถขายได้ และจะเร่งรัดขยายร้านธงฟ้าประชารัฐและการดึงร้านโชห่วยเข้ามาร่วมโครงการ เพื่อเป็นจุดกระจายสินค้าให้คนที่ใช้บัตรสวัสดิการซื้อของได้อย่างทั่วถึง

"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" สั่ง "คลัง" เพิ่มเงินคนจน