สามีของจำเลยในคดี มอมยาหลักทรัพย์ ซึ่งเชื่อว่าตกเป็นแพะ นำหลักฐานมายื่นให้กับกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้ช่วยเหลือ หลังภรรยาถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ทั้งที่ในวันเกิดเหตุภรรยาไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ

นายอาคม เสนาคง สามีของ นางศุภนุช บัวสนิท จำเลยในคดีมอมยาลักทรัพย์ นำภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมหลักฐานอื่นๆ มาร้องของความเป็นธรรม กับ พันตำรวจเอกดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้ช่วยสู้คดี ที่ภรรยาของตนเอง ตกเป็นจำเลยในคดีมอมยาหลักทรัพย์ จนปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดตรัง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้จำคุกเป็นเวลา 5 ปี

สำหรับคดีน ี้เกิดขึ้นที่จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 หลังมีผู้เสียหาย ไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง และ อ้างว่าได้เจอกับ นางศุภนุช และ พี่สาว จึงชักชวนกันออกมาทานข้าวต้มต่อจนเกิดชอบพอกัน จึงเปิดห้องนอนที่โรงแรม จากนั้นก็ถูกทั้ง 2 มอมยาในสุรา ก่อนลักทรัพย์เป็นสร้อยคำทองคำ 2 เส้น สร้อยมือ 1 เส้น มูลค่า 1 แสนบาท

เบื้องต้น นายอาคม ระบุว่า ตำรวจบอกว่าภรรยาของตน และ พี่สาวของภรรยา เป็นผู้ต้องหา เนื่องจากมีพยานชี้ตัว ซึ่งตนยอมรับว่า ภรรยาของตน เคยทำงานเป็นหมอนวดที่โรงแรมดังกล่าวจริง เมื่อ 2 ปีก่อน

แต่ตนยืนยันว่า วันเกิดเหตุ ตนและภรรยา พร้อมลูก 3 คน เดินทางไปรับประทานที่ห้างสรรพสินค้า ในภูเก็ต และ มีภาพจากกล้องวงจรปิดยืนยัน ภรรยาของตน จึงไม่ได้อยู่ในจังหวัดตรัง ในวันเกิดเหตุอย่างแน่นอน ส่วนหลักฐานที่ผู้เสียหายอ้างว่า เป็นภาพถ่ายของคนร้าย ตนเห็นว่่า ไม่มีลักษณะไหนใกล้เคียงกับภรรยาของตนเลย

ด้าน พันตำรวจเอกดุษฎี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวต้องดำเนินการสอบพยานทุกปากก่อน ว่า นางศุภนุช เป็นคนร้ายเพราะอะไร รวมถึงหาพยานหลักฐานมาหักล้างเรื่องถิ่นที่อยู่ด้วย โดยคดีนี้มีความคล้ายคลึงกันมาก กับคดีของพนักงานสปา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหามอมยาและชิงทรัพย์ผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดตรัง

อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ทีมงานของกระทรวงยุติธรรม ก็จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะพบจุดที่น่าสงสัยหลายอย่าง อาทิ การตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ ทั้งที่พฤติการณ์เป็นการชิงทรัพย์ การไม่ส่งตัวผู้เสียหาย ไปตรวจร่างกายหลังถูกมอมยา รวมถึงทรัพย์ที่หายมูลค่าจำนวนมาก แต่เหตุใดจึงไม่มีการสืบหาของกลางดังกล่าว

สามีร้อง ยธ.ช่วยภรรยา เชื่อตกเป็นแพะคดีมอมยาลักทรัพย์