'พลเอก ประวิตร' ยอมรับไม่เข้าใจพรรคเพื่อไทยจะเอาอย่างไรกับเรื่องปรองดอง เพราะอดีตเคยสนับสนุน แต่ปัจจุบันกลับออกมาคัดค้าน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่า การสร้างความปรองดองไม่น่าจะประสบความสำเร็จ เพราะยังมีจุดอ่อนในหลายด้านว่า คำวิจารณ์ของพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงการพูดฝ่ายเดียว เพราะอีก 60 กว่าพรรคการเมืองยังไม่มีท่าทีอะไร ขณะที่ภาคประชาสังคม และฝ่ายต่างๆก็ยืนยันว่า กรณีพรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นอุปสรรคในการเดินหน้าปรองดอง

พลเอก ประวิตร กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งตั้งคณะกรรมการปรองดอง ทางพรรคเพื่อไทยก็เคยออกมาตอบรับว่า รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว แต่ตนไม่เข้าใจว่า เหตุใดวันนี้ พรรคเพื่อไทย จึงกล่าวอ้างว่าทางคณะกรรมการไม่มีความเป็น กลาง ทั้งที่คณะกรรมการ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมีหน้าที่รับฟังอย่างเดียว ก่อนส่งข้อมูลไปให้คณะชุดที่ 2 เพื่อบูรณาการข้อเสนอแนะ และส่งให้คณะชุดที่ 3 เพื่อทำข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งข้อตกลงนั้น พรรคการเมืองก็ตกลงกันเอง ตนก็ไม่ได้ไปตกลงใจด้วย จึงไม่เข้าใจว่า จะมาต่อว่าอะไร บางทีตนอาจสมองน้อย สู้เขาไม่ได้ และมีจุดอ่อนเยอะ ไม่เหมือนพวกเขา จุดอ่อนน้อย และมีแต่เก่งๆกันทั้งนั้น แต่ถึงตนไม่เก่ง ก็จะทำตามวิธีการที่กำหนดไว้

สนช.เผย'พล.อ.ประวิตร'อยากให้เลือกตั้งท้องถิ่น ก่อนเลือกส.ส.

ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่ 2 ในฐานะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง กล่าวว่า การจัดทำข้อตกลงปรองดอง อาจทำในรูปแบบสัญญาประชาคม แต่คงไม่ถึงขั้นไปบังคับให้ใครมาเซ็นต์ชื่ออาจเป็นการลงความเห็นร่วมกันว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้ง หรือ ช่วยไม่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ตนได้พูดคุยกับพลเอก ประวิตร แล้ว ท่านบอกว่าอยากให้มีการจัดการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นก่อน เพื่อทำให้นักการเมืองไม่สามารถไปครอบงำการเลือกตั้งท้องถิ่นได้อีก แต่ไม่รู้ระยะเวลาว่า จะเริ่มการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใด เพราะทุกอย่างอาจเปลี่ยนแปลงได้

'นิพิฏฐ์'ไม่ขัดข้องลงสัตยาบันปรองดอง มิ.ย.นี้

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการปรองดองเตรียมจะลงสัตยาบันเกี่ยวกับเรื่องการปรองดอง ในเดือน มิ.ย.นี้ว่า หากคณะกรรมการป.ย.ป.ต้องการลงสัตยาบัน ตนก็ไม่ขัดข้อง แต่ยังสงสัยว่า รูปแบบการลงสัตยาบันจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่า การลงสัตยาบันไม่จำเป็น เพราะไม่มีหลักประกันใดๆ ว่า ผู้ที่ร่วมลงสัตยาบันจะไม่ละเมิดคำสัญญาในอนาคต ซึ่งมองว่า ไม่เร็วไปนัก หากจะลงสัตยาบันในเดือนมิ.ย.นี้