ก้อง ห้วยไร่ ฝากกลอนสะเทือนทั้งการเมือง พิธาหวังเคลียร์ใจ พท. แต่ "อดิศร" สวนเจ็บ

ยังเป็นประเด็นร้อนปมการเลือกประธานรัฐสภา ที่ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ต่างออกมาแจ้งความจำนง ว่าต้องการตำแหน่งนี้ ล่าสุด นายพิธา ลิ้มเจริญ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง ปัญหาเรื่องตำแหน่งประธานสภาที่นักวิชาการเสนอ ให้นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภา หรือให้พรรคก้าวไกลและเพื่อไทยแบ่งกันคนละ 2 ปีว่า ทั้ง8 พรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องร่วมมือ ปรับจูนกัน ต้องมีการพูดคุยกัน ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันนี้ ซึ่งจะใช้ทีมเจรจาที่เคยตั้งไว้ และเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน พยายามเดินหน้าเรื่องนโยบายในช่วงเวลา 1-2 เดือนที่จะต้องทำนโยบายร่วมกัน และแถลงต่อรัฐสภา จึงคิดว่าตอนนี้น่าจะเหมาะสมที่จะกลับไปพูดคุยกัน ส่วนจะเป็นเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับทีมเจรจา แต่คิดว่าคงมีการพูดคุยกันอยู่ได้เรื่อยๆ เชื่อว่าจะคุยกันอย่างรอบคอบ เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและหาทางออกร่วมกันได้ เพราะยังมีงานที่ท้าทาย ที่ประชาชนไว้วางใจ

นายพิธายังย้ำ เชื่อว่ารอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยสามารถสมานกันได้แน่นอน ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการทำงานที่อาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน และมีการพูดคุยกัน แต่ถ้าสามารถเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และสามารถพูดคุยกันอย่างมีเหตุมีผล คิดว่าทุกอย่างมีทางออก

ส่วนที่จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมไปเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากการรัฐบาล ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคมนี้นั้น นายพิธาระบุว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นส่วนหนึ่งของระบบประชาธิปไตย แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันแล้วและตอนนี้มีคนฝากความหวังไว้เยอะก็ขอให้เป็นหนึ่งในกระบวนการ

ส่วนมีทางออกเรื่องตำแหน่งประธานสภาไว้ในใจหรือไม่นั้น นายพิธาระบุว่าว่าตนคิดว่าทุกท่านมีทางออก คงไม่ใช่แค่ตนคนเดียว แต่ต้องให้เกียรติพรรคร่วมอีก 7 พรรคด้วย นี่เป็นการตั้งรัฐบาลครั้งที่ 30 ก็คงมีเรื่องอย่างนี้ทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดคุยแสดงเหตุผลกันอย่างไร

ส่วนท่าทีของนายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า "กินรวบไม่กินแบ่ง แถมระแวงเพื่อนร่วมทาง ไม่นานคงอับปาง จอดข้างทางไร้คนเชียร์...."

ขณะเดียวกัน ก้อง ห้วยไร่ โพสต์ข้อความ ระบุว่า "กูเขียนกฎให้มึงแพ้ตั้งแต่แรก
กูเขียนบทให้มึงแยกแผ่นดินหนี กูเขียนเกมส์ ให้มึงเล่นพอเป็นพิธี กูลิขิต เขียนชีวี #พวกมึงไว้ แค่ใต้ตีน"

นอกจากนี้ยังมีความเห็นของนายสุธรรม แสงประทุม ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ยังมีความเห็นต่างกันอยู่บ้างว่า อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยปรึกษาหารือกัน ซึ่งยังมีเวลาอีก ประมาณ 15 วัน ยังทันที่จะหาคนที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ

โดยตำแหน่งประธานสภาเป็นกลไกสำคัญในการจะต้องมาทำงาน ไม่อยากให้กลไกลนอกสภา มาพลิกผันเจตนาลวงจากการเลือกตั้ง เชื่อว่าทุกฝ่ายตกลงกันได้ในเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ โดยประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะที่ MOU ก็เดินหน้าไปได้ 90% ไม่อยากให้การแสดงความเห็นนอกระบบ มาก่อกวนหรือเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาชนฝ่าฟันใช้ปากกาเข้าคูหาสู้กับอำนาจมืด มากำจัดวงจรสืบทอดอำนาจอย่างมหัศจรรย์ที่สุด จึงไม่อยากให้สิ่งที่ประชาชนมอบหมายมาเสียของ

ส่วนปัญหาเก้าอี้สภา มีแรงกคดันถึงให้เพื่อไทยถอนตัวจาการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุธรรม ระบุว่า ไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้นเพราะเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีวุฒิภาวะ ทางการเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ

สำหรับแคนดิเดตประธานสภาฯ โดยพรรคก้าวไกล ส่ง นายณัฐวุฒิ บัวประทุม , ธีรัจชัย พันธุมาศ ขณะที่พรรคเพื่อไทย นายสุชาติ ตันเจริญ , นายชลน่าน ศรีแก้ว

โดยในวันนี้ นายพิธา พร้อมด้วยว่าที่ ส.ส.ปีกแรงงาน พรรคก้าวไกล เดินทางมาถึงสำนักงานเทศบาลบางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา เพื่อพบปะพูดคุยกับเครือข่ายผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 45 องค์กร กว่า 200 คน

หลังการพบปะหารือภายใน นายพิธา ได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับความกังวลของผู้ประกอบการต่อการขึ้นค่าแรง 450 บาท ตามแนวนโยบายของก้าวไกล โดยระบุว่า เรื่องค่าแรง ต้องไม่ดูที่เหรียญด้านเดียว แต่ต้องดูมิติของการช่วยเหลือเยียวยา SME ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีจาก 20% เหลือ 15% หากมีผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง ทำให้สามารถหักภาษีได้ 2 เท่าภายใน 2 ปีแรก รวมถึงศึกษามาตรการหลังการขึ้นค่าแรงเมื่อปี 2556

ฟาดด้วยกลอนสะเทือนทั้งพรรค