รองนายกสมคิด เร่งพัฒนาสนามบินในประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบินการค้าในอาเซียน ขณะที่สุวรรณภูมิเฟส 2 ลงนามสัญญาเอกชนลงทุนกว่า 14,900 ล้านบาท

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีฯ ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 ระหว่างบริษัท ท่าอากาศยานไทย กับบริษัทเอกชน โดยกล่าวว่าโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้าน ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการเเข่งขันของปรเทศให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการค้าเเละการลงทุนในอาเซียน

นอกจากนี้ได้กำชับให้การท่าอากาศยาน เร่งพัฒนาสนามบินดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ให้ได้มาตราฐานเพราะการที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านกลางค้าเเละการลงทุน จะต้องเป็นศูนย์กลางด้านการบินในภูมิภาคก่อน

ด้านนายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยใหญ่ การท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยว่า ทอท. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 งบประมาณปี 2554-2560 โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 45 ล้านคนต่อปี

ทั้งนี้โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟสที่ 2 แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 7 งาน มีมูลค่ากว่า 62,500 ล้านบาท ซึ่ง ทอท. ได้ทยอยเปิดการประมูลและยื่นซองเสนอราคางานจ้างก่อสร้างแล้ว 3 งาน ได้แก่

1. สัญญางานโครงสร้างและระบบหลัก

2. สัญญางานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค

3. สัญญางานจ้างที่ปรึกษาควบคุมการก่อสร้าง

รวมมูลค่า 14,909 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคากลางประมาณ 1,655 ล้านบาท ส่วนงานก่อสร้างอีก 4 สัญญา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2560 และวันพรุ่งนี้ (25 ส.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประฐานในพิธีลงนาม