กมธ.ศาสนาฯ วุฒิสภาเอาจริง เตรียมผลักดันแก้กม.เพิ่มโทษจำคุก 1-10 ปี ทั้งพระ-สีกาเสพเมถุน ส่วนพวกอวดอุตริฯ เจอคุก 1-5 ปี หลังถูกจับสึกแอบมาบวชอีกโดนคุก 3 ปี พระอุปัชฌาย์โดนด้วย

 

นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า กรณีที่หมอปลาไปจัดการกับพระที่นอกรีตนอกรอย ทั้งอวดอุตริมนุสธรรม เสพเมถุน ประพฤติปฏิบัติตนนอกพระธรรมวินัย ก่อให้เกิดความขัดแย้งทั้งวงการสงฆ์และประชาชน แม้มหาเถรสมาคมจะตั้งกรรมการเพื่อจัดการกับพระฉาว สังคมก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ถึงขนาดมองกันว่า ก็คงจะไม่มีบทบาทอะไรและอาจจะไม่ทันการ ในขณะที่พระสงฆ์ที่ทำการอื้อฉาวก็ยังมีกันอยู่ดาษดื่น อาจจะเกิดจากความย่อหย่อนในการบริหารจัดการของเจ้าคณะผู้ปกครอง ไม่ทันต่อเหตุการณ์และสถานการณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทำลายความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนอย่างรุนแรง ควรมีมาตรการที่ลงโทษกับพระและคนที่ร่วมกันกระทำย่ำยีพระพุทธศาสนามากกว่าที่จะจับสึกแล้วไม่มีโทษอะไร แถมยังมาลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้

คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เห็นว่าควรจะมีการแก้กฎหมายพระราชบัญญัติคณะสงฆ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มีความเข้มแข็งเด็ดขาดและมีโทษรุนแรง ทำให้พระสงฆ์ที่ทำผิดเรื่องนี้จะได้เกรงกลัว เข็ดหลาบและไม่กล้ากลับมาบวชอีกเพราะมีประวัติอาชญากรรมกระทำชั่วติดตัวเป็นตราบาป โดยคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ จะผลักดันให้มีการแก้กฎหมายกรณีที่พระสงฆ์องค์ใดอวดอุตริมนุสสธรรมว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษ บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ มีเยี่ยวมีขี้เป็นพระธาตุ คนหลงเชื่อก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องลงโทษจำคุก 1 ถึง 5 ปี พวกเสพเมถุนและผู้หญิงที่มาร่วมเสพกับพระก็ต้องถูกลงโทษ 1 ถึง 10 ปี และเมื่อถูกจับสึกไปแล้วกลับมาบวชอีกโดยปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลเท็จกับพระอุปัชฌาย์ต้องมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ถ้าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ร่วมกันผลักดันให้มีการแก้กฎหมายจนสำเร็จ เชื่อว่าจะทำให้พระที่กระทำการอื้อฉาวแบบกาโตะลดลงไปได้และเกรงกลัวต่อการประพฤติชั่วมากขึ้น

นายวันชัยกล่าวในที่สุดว่า คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมและเสนอไปยังส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดให้มีการแก้กฎหมายตามข้อเสนอดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว อันจะทำให้บทบาทของหมอปลาลดน้อยถอยลงและลดความขัดแย้งในสังคมพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี