ผู้การนิติเวชโชว์หลักฐานพร้อมแจงคลิปการชันสูตรบาดแผลแตงโมและภาพแช็ต ระบุข้อเท็จจริงเป็นคนละประเด็นที่นายอัจฉริยะนำมาแถลงข่าว ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

 

วันที่ 11 พ.ค.2565 - พลตำรวจตรี สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ชี้แจงกับทีมข่าวถึงกรณีคลิปการชันสูตรบาดแผลแตงโมและภาพแชท messenger ที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำมาแถลงข่าว

โดยประเด็นเรื่องคลิปวิดีโอ พลตำรวจตรี สุพิไชย อธิบายว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปจริงที่แพทย์นิติเวชได้ทำการทดลองเปรียบเทียบใบพัดเรือว่าเข้ากับบาดแผลได้หรือไม่ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา เวลา 10.00 น. ซึ่งตัวใบพัดเรือของกลางนี้ ได้รับหนังสือการส่งมอบจาก สภ.เมืองนนทบุรี อย่างถูกต้อง โดยส่งมอบมาภายหลังกระบวนการเก็บพยานหลักฐานบนวัตถุพยานของกลางเสร็จสิ้นแล้ว

การทดลองดังกล่าว เกิดขึ้นในสถานที่ของสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ในเวลาราชการ ซึ่งจุดนั้นเป็นห้องผ่าศพในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด แต่ที่ดูเหมือนเป็นที่โล่งแจ้ง เพราะเป็นห้องหลังคาสูง ซึ่งทำไว้ระบายอากาศสำหรับเวลาผ่าศพที่เน่า ส่วนที่เห็นว่ามีรถจอด ก็เป็นรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพื้นที่ในส่วนนี้ คนนอกไม่สามารถเข้าออกได้อยู่แล้ว

โดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีห้องผ่าศพทั้งหมด 3 ห้อง เป็นห้องแอร์ตามมาตรฐาน 2 ห้อง และห้องนี้ซึ่งเป็นห้องสำรอง หากวันที่มีปริมาณศพมาก จนไม่พอผ่าใน 2 ห้องแรก ก็จะนำมาผ่าในห้องนี้อยู่แล้ว ซึ่งในวันที่ทำการทดลองบาดแผลแตงโม ห้องผ่าทั้ง 2 ห้องเต็ม แพทย์จึงนำมาทดลองที่ห้องนี้เพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานในส่วนอื่น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการลักศพ เพราะอยูในพื้นที่ที่ใช้สำหรับผ่าศพของสถาบันนิติเวชวิทยาอยู่แล้ว ไม่ได้เอาออกไผที่อื่น และการดำเนินการเอาศพออกมาทดลองดังกล่าวก็อยู่ในอำนาจ ไม่ต้องขออนุญาตใคร

ส่วนการจะเปรียบเทียบใบพัดเรือเข้ากับบาดแผล ที่มีการตั้งคำถามว่าเป็นการจำลองที่ผิดทิศทางการหมุนของใบพัดเพื่อที่จะพยายามให้เข้ากันให้ได้นั้น พลตำรวจตรีสุพิไชย ชี้แจงว่า ปกติแล้วใบพัดเรือจะหมุนตามแนวแกน แต่กรณีของแตงโม จะแตกต่างจากการเปรียบเทียบบาดแผลทั่วไป เพราะมีเรื่องของกลศาสตร์ทางน้ำ ที่เมื่อคนตกน้ำลงไป ไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่ในท่าทางไหน ขาของมนุษย์เคลื่อนไหวได้หลายท่าทางอย่างอิสระ อ้าได้ หุบได้ ยกได้ งอได้ ดังนั้น การทดลองจะต้องทดลองในทุกทิศทาง ไม่ใช่คิดแค่ว่าขาสองข้างจะอยู่ในแนวตรงเหมือนท่อนไม้ ยกตัวอย่างเช่น หากตกน้ำลงไปแล้วพยายามตะเกียกตะกายด้วยการว่ายน้ำท่ากบ ขาท่อนบนก็จะอยู่ในแนวขวาง ส่วนขาท่อนล่างจะอยู่ในแนวยาว ทำให้ขาท่อนบนเกิดบาดแผลแนวยาวขนานกับขาได้ แตกต่างจากขาท่อนล่างที่เกิดแผลแนวขวาง ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า การทดลองดังกล่าว ไม่ได้ทำให้เกิดบาดแผลเพิ่มหรือทำให้วัตถุพยานเสียหายแน่นอน จากภาพจะเห็นชัดว่าไม่ได้โดนแรง ต้องถามกลับว่าคนตั้งประเด็น ต้องการอะไร

สำหรับประเด็นเรื่องแช็ตที่ถูกเปิดเผยออกมา พลตำรวจตรีสุพิไชย ยอมรับว่า ตนเองเป็นคนที่พูดคุยกับอดีตแพทย์คนดังกล่าวจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวและไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน แต่ยอมรับว่าเป็นอาจารย์แพทย์ที่เก่ง แสดงความเห็นทางวิชาการได้ดี แต่เมื่อ 5 วันที่ผ่านมา อดีตแพทย์ไปได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมา ซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าได้มาจากไหน เป็นภาพศพแตงโมจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่เห็นบาดแผลแนวขวางที่ขาซ้ายแต่ศพนอนคว่ำ จึงเข้าใจไปว่าเป็นบาดแผลที่ขาขวาด้านนอก และอดีตแพทย์ได้นำเรื่องนี้มาโพสต์ข้อความ ระบุว่าแพทย์นิติเวชปกปิดหมกเม็ดข้อเท็จจริงเรื่องบาดแผลว่ามีบาดแผลอยู่ที่ขาขวาด้านนอกด้วย

เมื่อตนเองเห็นโพสต์ดังกล่าว จึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาในคืนวันเสาร์ที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่ออธิบายข้อเท็จจริง ป้องกันสังคมสับสน แต่กลายเป็นว่าอีกฝ่าย พยายามที่จะสอบถามถึงเรื่องอื่นที่เป็นความเห็นไม่ใช่ข้อเท็จจริงหลายเรื่อง และพยายามถามให้ตนเองตอบ ทั้งเรื่องที่บาดแผลว่าควรจะต้องไม่เข้ากับใบพัดเรือ และเรื่องภาพที่ตำรวจนำมาแถลงข่าว ทั้งที่เรื่องนี้มีการชี้แจงไปหมดแล้ว โดยพลตำรวจตรีสุพิไชย ยังได้เปิดแช็ตดังกล่าวให้ทีมข่าวดูเพื่อยืนยันด้วย

โดยประเด็นที่ถูกนายอัจฉริยะตัดเอามาแถลงข่าวว่าตำรวจยอมรับผิดนั้น เป็นการคุยเรื่องภาพที่ตำรวจภาค 1 นำไปใช้แถลงข่าวอธิบายบาดแผล ว่าตำรวจภาค 1 ยอมรับผิดจริงที่ไม่ได้ดูในรายละเอียดก่อน แต่ไม่ใช่การยอมรับผิดว่าบาดแผลแตงโมไม่เข้ากับใบพัดเรือ เป็นเพียงการตัดเอาข้อความสั้น ๆ มาพูดให้คนเข้าใจผิด ทั้งนี้ ยืนยันว่า บาดแผลที่ต้นขาขวา ลักษณะของ curve มีความเข้ากันได้กับใบพัดเรือ และตัวบาดแผลก็ไม่ใช่บาดแผลขอบเรียบตามที่มีการนำเสนอ คำว่าขอบเรียบไม่เคยอยู่ในรายงาน แต่เป็นบาดแผลที่ค่อนข้างเรียบกว่าบาดแผลอื่นเท่านั้น พอคนเข้าใจว่าเป็นแผลของเรียบ ก็ไปจินตนาการกันต่อว่าต้องเกิดจากของมีคม

ส่วนกรณีที่คลิปหลุดออกไป ก็จะต้องไปตรวจสอบกันตามขั้นตอนแล้วพิจารณาว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ตนเองยืนยันได้ว่า คลิปและข้อความแช็ตทั้งหมดที่ถูกนำมาแถลงข่าว เป็นคลิปจริง และข้อความจริงทั้งหมด แต่เจตนาของผู้นำมาเผยแพร่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเลย ทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน