"จุติ" ยัน พม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ กรณีรองอธิบดีกรมเด็กอุ้มคนผิด ปมค้าประเวณี สั่งตั้ง คกก.สอบข้อเท็จจริง พร้อมสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องออกพื้นที่ เปิดทางสอบสวน

 

วันที่ 6 พ.ค. 2565 นายจุติ  ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่มีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในกรณี ‘บิ๊กโจ๊ก’ จับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ ที่นำเด็กมาแสวงหาประโยชน์ทางเพศ 5 ราย โดยมีผู้ใช้บริการ 11 ราย และมีรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้โทรศัพท์สั่งเกลี้ยกล่อมเด็กเหยื่อคดีค้ามนุษย์ ช่วยผู้ต้องหาอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ควรดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเด็ก หลังจากมอบหมายให้ปลัด พม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่า ขอให้ข้อมูลเหตุเกิดขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ฯ ดังนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2564  มีการสอบสวนจนมาถึงเดือน พ.ค. ทางตำรวจได้บันทึกการให้การของผู้เสียหาย ซึ่งมีทั้งหมด 9 ราย

ประเด็น คือ วันนี้ได้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้น ที่ผ่านมาพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ได้ดำเนินการอยู่แล้วเป็นการเงียบ ๆ เพราะว่าต้องคุ้มครองสิทธิ์ของผู้เสียหาย ประชาชนอาจจะไม่ได้เห็นอะไรที่ทาง พม.ได้ดำเนินการไป โดยอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนทำงานอยู่แล้ว เนื่องจากวันนี้มีเหตุการณ์พัฒนาขึ้นมาว่า อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องจากเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จึงอยากให้ประชาชนนั้นได้มั่นใจว่ากระบวนการที่เราทำอยู่นั้นได้คุ้มครองป้องกันและจัดการกับการกระทำละเมิดทางเพศอย่างเด็ดขาดเสมอมา ด้วยคณะกรรมการที่มีอยู่แล้วในระบบ วันนี้เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจมากขึ้น และเพื่อให้การดำเนินการนั้นตอบสนองความรู้สึกของพี่น้องประชาชนและก็เรื่องของกฎหมายก็ได้มีคำสั่งเมื่อวานนี้ ตั้งคณะทำงานสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งมีปลัด พม.เป็นประธาน และเชิญภาคประชาชนคือสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมาย รวมทั้งประธานมูลนิธิสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายมาร่วมงานนี้ด้วย เพื่อราชการก็ทำงานตามระบบราชการไป หากประชาชนท่านใดมีความไม่มั่นใจในระบบราชการ ก็จะมั่นใจเมื่อมีองค์กรภาคประชาชนมาร่วมงานกับเราอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความโปร่งใส มีความเป็นธรรม แล้วข้อเท็จจริงนั้นก็จะนำมาสู่การจัดการปัญหาอย่างเร่งด่วน

คณะทำงานชุดนี้จะทำงานแบบรวดเร็ว โดยที่ทำให้ผลของการทำงาน ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบผลโดยเร็วที่สุด ให้มั่นใจว่ากระบวนการการจัดการกับปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศนั้น เราจะให้เกิดขึ้นไม่ได้ พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้กับฝ่ายกฎหมายของกระทรวง หัวหน้าคณะผู้ตรวจทั้ง 6 เขต ที่รับผิดชอบทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ จ.สุราษฎร์ฯ เท่านั้น ได้ไปทำความเข้าใจและกำชับว่าการล่วงละเมิดทางเพศนั้นให้เกิดขึ้นไม่ได้ ทุกคนต้องปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการประชาชนและให้ประชาชนมั่นใจว่า หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก สามารถพึ่งพาองค์กรภาคประชาชนที่ทำงานร่วมกับทางกระทรวง พม. ได้

ประการที่ 2 คือ ปลัด พม.ได้หารือแล้วว่าจะหารือกับอธิบดีสั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาปฏิบัติหน้าที่นอกพื้นที่ เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงนั้นเป็นไปด้วยความโปร่งใสและทำได้เต็มที่ เเละประการที่ 3 คือ ขณะนี้อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พิจารณาว่าร่วมกับกรมกิจการเด็กเเละเยาวชนว่า ถ้าจำเป็นจะหารือกันหรืออาจจะนำผู้เสียหายออกมาจากนอกพื้นที่ เพื่อให้ปลอดภัยและก็ได้ดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างจริงจัง

โดย ปลัด พม.ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมาปฏิบัติหน้าที่นอกพื้นที่แล้ว คำสั่งมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้มั่นใจว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 มีการสอบสวนเรื่อยมา เเละขอยอมรับตรง ๆ ว่าส่วนกลางไม่ค่อยรับทราบเรื่อง เพราะไม่มีการรายงานมาจากพื้นที่ จนมีเรื่องเกิดขึ้นถึงรายงานเข้ามา ยืนยันว่า กระทรวง พม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำงานเรื่องล่วงละเมิดทางเพศมีเคสอยู่ตลอดเวลาทุกสัปดาห์ แต่เมื่อประชาชนต้องการความมั่นใจ ให้เกิดความรวดเร็ว ความโปร่งใส ความจริงจังความเด็ดขาด จึงมีคณะทำงานนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและทำงานร่วมกับภาคประชาชน 

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในส่วนของรองอธิบดีที่เป็นข่าวเกี่ยวข้องนั้น  รมว.พม. กล่าวว่า ก็ไม่เว้นใคร ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงหมดทุกคน โดยจะมีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ทุกคนก็จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้โอกาสคนที่ไปสอบสวนข้อเท็จจริงได้ทำงานได้อย่างเต็มที่และรวดเร็ว 

 

อ่านที่เกี่ยวข้อง เอ็นจีโอซัดกรมเด็กฯ พม. ใช้อำนาจอุ้มคนผิด ซื้อประเวณีเด็ก หลังเกิดกรณีที่สุราษฎร์ฯ