"บิ๊กป้อม" ประชุม กกท.และกองทุนกีฬา รับทราบรายงาน WADA คืนสถานะไทย กรณีสารต้องห้าม ขอบคุณคนไทยร่วมแก้ไข อนุมัติกองทุนเสริมศักยภาพนักกีฬา มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ห่วงใยนักกีฬาให้ระวังโควิดขณะซ้อม

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ครั้งที่2/ 2565 และการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบ VDO Conference

โดยที่ประชุม คณะกรรมการ กกท.ได้รับทราบรายงานการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 โดยองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) ได้ประกาศทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2565 แจ้งเรื่องการถอดถอนประเทศไทย ออกจากรายชื่อภาคีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎและได้รับการคืนสถานะตามข้อกำหนดเรียบร้อยแล้ว และรับทราบสรุปผลการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ (ฤดูหนาว) ครั้งที่ 24 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4-20 ก.พ. 2565

โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมนักกีฬาที่ทำผลงานได้ดีสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ แม้ไทยจะไม่มีสภาพอากาศหนาวถึงระดับมีหิมะ หลังจากนั้น ที่ประชุมได้มีการเห็นชอบแต่งตั้ง พลเอกคณิต สาพิทักษ์ เป็นประธานอนุกรรมการกลั่นกรองการดำเนินงาน และแต่งตั้ง พลเอกณัฐ อินทรเจริญ เป็นประธานอนุกรรมการด้านบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในการพัฒนาการกีฬาของประเทศต่อไป

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ โดยได้มีวาระพิจารณาเห็นชอบการสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคมกีฬาได้แก่สมาคมกีฬาแบดมินตัน เข้าร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ รายการ Total Energies BWF World Championships 2021 ณ เมืองฮูลเอลวา ราชอาณาจักรสเปน สร้างผลงานรุ่นทั่วไปได้ 1 เหรียญทอง เป็นเงิน 4,500,000 บาท และเห็นชอบสนับสนุนงบประงบประมาณการพัฒนากีฬาตามแผนงานประจำปี 2565 เช่น การสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ, การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ระดับชาติ/นานาชาติ รวมถึงการผลักดันกีฬามวยไทยให้มีมาตรฐานสากล เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า กีฬามีความสำคัญต่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ กีฬาสร้างคนให้มีความเข้มแข็ง มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ซึ่งจะเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของคนไทย เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าได้ต่อไปในอนาคต และกีฬายังสามารถสร้างอาชีพให้กับตนเองและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อีกด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กกท.และกองทุนกีฬา จะต้องใช้จ่ายงบอย่างประหยัด คุ้มค่า ตามระเบียบ/กม.และให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาการกีฬา มีเป้าหมายมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ให้ได้อย่างแท้จริง และขอให้สมาคมกีฬาทุกประเภท จะต้องเตรียมการฝึกซ้อมนักกีฬาเพื่อให้มีความพร้อมแข่งขันรายการต่าง ๆ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างปลอดภัยด้วย