สามีคนขับเบนซ์ชนน้องหญิง วอน บ.ประกัน เห็นใจครอบครัวผู้สูญเสีย หลังถูกเเจ้งความฐานฉ้อฉล ชี้คดีนี้เป็นเคสแรกที่ฟ้องผู้เอาประกันภัย

 

จากกรณีที่นายสมชาย และนางสมเร็จ  เกรัมย์  สองสามีภรรยาชาว  อ.กระสัง. จ.บุรีรัมย์  ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่ น.ส.พัชราภา หรือน้องหญิง อายุ 21 ปี ลูกสาวถูกภรรยาทนายความขับรถเบนซ์ชนจนเสียชีวิต บริเวณก่อนถึงทางกลับรถบ้านสองชั้น ต.สองชั้น อ.กระสัง เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา ซึ่งกรณีนี้รถเบนซ์ทำประกันภัยไว้  เเต่ทางบริษัทประกันกลับปฏิเสธการจ่ายเงินสินไหม อ้างว่าเป็นการประมาทร่วม  ถึงแม้ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ จะลงความเห็นว่า คนขับรถเบนซ์ เป็นฝ่ายผิดฝ่ายเดียวไม่ได้ประมาทร่วมก็ตาม  

วันที่ 3 ธ.ค.2564 นายโชติวุฒิ เขียนนิลศิริ อดีตประธานสภาทนายความ สามีของคนขับรถเบนซ์ชนน้องหญิง  ระบุว่า  คดีดังกล่าวศาลได้มีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้ว  ซึ่งคนขับรถเบนซ์ก็ถูกรอลงอาญา และถูกคุมประพฤติก็ต้องไปรายงานตัวต่อคุมประพฤติและทำประโยชน์ให้กับสังคม ซึ่งนอกจากจะได้รับโทษทางอาญาแล้ว  สภาพจิตใจก็ไม่ต่างจากครอบครัวของผู้เสียชีวิต เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะร้องไห้ทุกครั้ง  จึงไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพราะกระทบกระเทือนสภาพจิตใจ  และล่าสุดได้ทราบข่าวทางสื่อต่าง ๆ ว่าทางบริษัทประกันได้แจ้งความเอาผิดคนขับรถเบนซ์อีกฐานฉ้อฉล  ก็ยิ่งทำให้รู้สึกเครียด  เพราะรู้สึกว่าในฐานะคู่กรณีก็ได้รับโทษทางอาญาทั้งเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตและทำตามกระบวนการยุติธรรมกฎหมายไทยทุกอย่างแล้ว  ในส่วนของคนขับรถเบนซ์ก็น่าจะยุติแล้ว  แต่กลับมาถูกบริษัทประกันฟ้องทั้งที่ก็เป็นผู้ใช้บริการบริษัทประกัน  

นายโชติวุฒิ  ยังกล่าวอีกว่า กรณีที่คนขับรถเบนซ์ถูกบริษัทประกันแจ้งความกล่าวหาว่าฉ้อฉลนั้น ในความเป็นจริงการที่คนขับจะให้การอะไรอย่างไรก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา  แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่จะลงความเห็นว่าฝ่ายใดประมาท คงไม่ได้รับฟังจากการให้ถ้อยคำของคนขับ แต่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ปรากฎมากกว่า เพราะส่วนใหญ่ผู้ต้องหาคดีอาญาทั่วไปจะไม่ได้ให้การตรงกับข้อเท็จจริง แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน  พนักงานอัยการ และศาลท่านจะเป็นผู้วินิจฉัย  เช่นเดียวกับคดีนี้ทางบริษัทอาจจะอ้างตามคำให้การของคนขับเบนซ์เบื้องต้น  ซึ่งในขณะเกิดเหตุสติสัมปชัญญะคนขับอาจจะไม่ครบถ้วน เพราะด้วยอาการตกใจ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่บริษัทประกันแจ้งความ  ก็พร้อมจะไปให้ปากคำ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวน

 

"กรณีนี้ทางบริษัทอาจจะมองว่าได้รับความเสียหายเป็นตัวเงิน ไม่ว่าจะยอดเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ในส่วนตัวอยากให้คำนึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นมากกว่าการที่จะมาต่อสู้ในเชิงของกฎหมาย ซึ่งในฝ่ายรถเบนซ์อาจจะสูญเสียเกี่ยวกับทรัพย์สิน แต่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้รับผลกระทบทางด้านสภาพจิตใจที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและเป็นความหวังของครอบครัวที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้  ก็อยากจะวิงวอนขอความเห็นใจจากผู้บริหารบริษัทประกัน อยากให้คำนึงถึงผลกระทบของผู้สูญเสียมากกว่าที่จะมาต่อสู้ในการกฎหมาย แม้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะไม่สามารถทำให้คนเป็นพ่อแม่พ้นจากทุกข์ได้ แต่ก็สามารถช่วยเยียวยาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวได้  อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นทนายความมากรณีนี้น่าจะเป็นเคสแรกที่บริษัทประกันแจ้งความผู้เอาประกัน" นายโชติวุฒิ ระบุทิ้งท้าย