ลงโทษเเล้ว 1 ราย! รองผู้ว่าฯ ตาก เผยห้าม จนท.รัฐเกี่ยวข้องลอบพาเเรงงานต่างด้าวข้ามเเดนผิด กม. ลั่น ผญบ.-กำนัน พบกระทำผิด ปลดออกทันที

 

จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารชุดกองร้อย ร.1413 เข้าลาดตระเวนในพื้นที่ล่อแหลมติดแนวตะเข็บชายแดนไทย-เมียนมา ที่ท้ายหมู่บ้านห้วยน้ำนักช่วงป่ามะขาม หมู่ที่ 4 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก ตามแผนการป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายจำนวน 183 คน เป็นชาย 110 คน และหญิง 73 คน นอนหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ซึ่งแต่ละคนต่างมีกระเป๋าสัมภาระในการเดินทางมาคนละ 1 ใบ และแรงงานหลายคนตกอยู่ในสภาพหนาวสั่นจากอากาศหนาวเย็นและอิดโรยจากการลักลอบเดินเท้าข้ามแนวชายแดนเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งแรงงานแต่ละคนต้องจ่ายค่านายหน้าสูงถึงหัวละ 20,000 บาท  

วันที่ 26 พ.ย. 2564 นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดตาก  เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดของการจับกุมแรงงานประเทศเพื่อนบ้านที่ทะลักข้ามแดน ว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อ.พบพระ ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ATK  ผลตรวจพบผลบวก 4 ราย  และต่อมาได้นำไปตรวจซ้ำด้วย PCR ทางห้องปฏิบัติการ ผลตรวจยืนยันผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19  โดยในวันนี้แรงงานที่ถูกจับกุมทั้งหมดอยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวน สภ.พบพระ จะทำการสอบปากคำ ก่อนจะนำส่งฟ้องศาลไปตามกระบวนการ ก่อนจะส่งมอบให้ ตม.ดำเนินการส่งกลับในขั้นตอนต่อไป 

รองผู้ว่าฯ ตาก กล่าวต่อว่า ในการจับกุมแรงงานเพื่อนบ้านที่ลักลอบเข้ามาในครั้งนี้ ต้องขอขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เข้มงวดกวดขัน หาข่าว ซึ่งก็ต้องขอบคุณประชาชนที่ช่วยแจ้งเบาะแส จนสามารถนำมาสู่การสกัดกั้นไม่ให้แรงงานเถื่อนเหล่านี้ทะลักเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของประเทศ อย่างเช่นกรณีที่ทหารชุดกองร้อย ร.1413 ที่จับกุมได้ 183 ราย ในพื้นที่ อ.พบพระ และชุดฝ่ายปกครองอำเภอวังเจ้าที่สกัดจับได้อีก 31 ราย ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในไร่มันสำปะหลังติดเชิงเขาพื้นที่ ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก 

ทั้งนี้ ได้มีการประชุมฝ่ายความั่นคงร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในวันที่ 25 พ.ย.2564 ที่กองกำลังนเรศวร ได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วยงาน ให้สั่งการเน้นย้ำห้ามให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรืออำนวยความสะดวกแก่ขบวนการแรงงานข้ามชาติ  หากตรวจพบให้ดำนินคดีและลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการในสังกัดหน่วยงานหนึ่งโดนลงโทษไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ 1 ราย  ในส่วนของฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด หากมีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากจะดำเนินคดีแล้ว จะปลดออกทันที